7.03.2552

| กระตุ้นความคิด ๑๒๘ (กระเป๋าในความฝัน)




กระเป๋า ใส่ความฝัน


ความมุ่งมั่น และทางเดินในอนาคตของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เพิ่งจะเริ่มต้นเมื่อไม่นานมานี้ ช่วงหัวค่ำของวันฝนโปรย เราได้บังเอิญพบหญิงสาวคนหนึ่งย่านสยามสแควร์ เธอกำลังยืนอยู่ในบูตของตัวเองติดกับอีกหลายบูตที่มาออกร้านในตลาดนัดงานดีไซน์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้งการจัดวางและกระเป๋าหลากหลายรูปทรงของ ภัททราพร วัฒนะลิขิต หรือ เอ นั้น โดดเด่นเตะตา แม้จะมีราคาแพงกว่าของคนอื่นที่มาออกงานด้วยกันอยู่หลายเท่า ทำให้ต้องแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชม

หลายวันถัดมา เราจึงนัดเจอเธอที่บ้านหลังใหญ่อันเป็นแหล่งผลิตสินค้าทุกชิ้น ทำเองล้วนๆ ในห้องนอนโดยไม่มีผู้ช่วยแม้แต่คนเดียว เอบอกเล่าให้ฟังว่า เธอเพิ่งเรียนจบหลักสูตรประกาศนียบัตร 1 ปี ทางด้าน Shoe and Accessories Design ที่ Istituto Europeo di Design กรุงโรม อิตาลี พร้อมกับขยายความสาขาที่เรียนว่า

"คนไทยชอบเข้าใจผิด รวมทั้งเราด้วยว่า Accessory คือ ต่างหู และของเล็กๆ เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วมันคือทุกอย่างที่อยู่บนร่างกาย พอเรามาเรียน เราจึงได้เรียนทุกอย่างตั้งแต่แว่นตา นาฬิกา เข็มขัด รองเท้า กราเป๋า สร้อยคอ แหวน หมวก ต่างหู ที่คาดผม เข็มกลัดฯลฯ แต่ที่เราชอบออกแบบเป็นพิเศษก็จะเป็นพวกต่างหู ข้อมือ แหวน กระเป๋า และรองเท้า"

ก่อนหน้านี้ เอจบไฮสคูลที่นิวซีแลนด์แล้วกลับมาบ้านเพื่อรักษาตัวเนื่องจากไม่ค่อยแข็งแรง จึงได้ช่วยงานของคุณพ่อไปพลางๆ เป็นเวลา 7 - 8 ปี ก่อนจะออกมาหาประสบการณ์การทำงานด้าน Event Coordinator อยู่ 2 ปี แล้วหักมุมไปเรียนต่อที่อิตาลี

"ตอนนั้น คิดหนักอยู่เหมือนกันค่ะว่า อายุก็สามสิบแล้วน้า จะไหวเร้อ แต่ก็เอาล่ะ ลองดู ไม่เป็นไร เราหน้าเด็ก (หัวเราะ)" เส้นทางชีวิตของหญิงสาวผู้ไม่เคยพบเจอความลำบากจึงเริ่มต้น ณ กรุงโรม เรียนจริง ทำจริง ทุกสิ่งอัน เมื่อตกลงไปเรียนต่อ เธอเลือกจะอยู่นอกเมืองตามที่คนรู้จักแนะนำ เอเล่าถึงชีวิตการเรียน 1 ปีเต็มเมื่อปีที่ผ่านมาว่า ต้องนั่งรถเมล์ต่อรถไฟและต่อรถเมล์อีกรอบกว่าจะถึงโรงเรียนใช้เวลา 1ชั่วโมง 15 นาที โดยไปเรียนทุกวันและกลับมาทำงานต่อที่บ้าน บางวันทำถึงตี 4 เพราะเป็นคนชอบทำงานกลางคืน ยังไม่รวมการทัศนศึกษาตามโรงงานต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้อย่าง โรงงานทำหุ่นเท้าไม้สำหรับโชว์รองเท้า โรงงานหมวก โรงงานแบรนด์ดังอย่างเฟอร์รากาโม่ ตลาดนัดวินเทจไปจนถึงงานแฟร์ขายสินค้าต่างๆ

"ตอนที่เราไปเรียนก็ไปเรียนจริงๆ ค่ะ ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย ไม่มีเวลา เป็นหลักสูตรที่เรียนหนักมาก เพราะก่อนหน้านี้มันเป็นหลักสูตร 2 ปีแล้วลดเหลือปีเดียวเลยต้องเรียนอัดกันทุกอย่าง แต่ก็สนุกดีนะ ทุกคนที่เรียนก็ไม่มีพื้นด้านนี้ เริ่มใหม่เหมือนกันหมด เริ่มจากการหัด Drawing เรียนเทรนด์แฟชั่น เรียนการเย็บหลายๆ แบบสำหรับใช้ในงาน หรืออย่างเรียนกระเป๋าก็ได้เรียนวิธีเย็บก้นกระเป๋าทุกแบบ เย็บให้ได้ทุกทรง"

เมื่อดูจากผลงานของเอแต่ละชิ้น ใครได้เห็นก็คงต้องทึ่งในความพยายามของเธอ อย่างกระเป๋าหนังแต่ละใบนั้น เอใช้เวลาทำช่วงกลางคืนถึง 5 วัน เย็บมือทั้งชิ้น เริ่มตั้งแต่ตัดหนัง ใช้ที่เจาะรูจุดลงไปแต่ละจุดก่อนจะเจาะรูทีละรูอีกที กว่าจะสอดเข็มเข้าไปเย็บ เรียกว่าทำกันจนมื้อด้านกว่าจะได้แต่ละใบ ส่วนกระเป๋าผ้าก็ง่ายหน่อยคือ ใช้จักรช่วยเย็บ

"ถามถึงแรงบันดาลใจนี่ ตอบไม่ถูกเลยนะ เพราะเราจะมีวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนคนอื่นตลอด เราจะชอบซื้อผ้าซื้อของมาก่อนแล้วมานั่งดูว่าอะไรเข้ากับอะไร แล้วก็ทำเลย ไม่ใช่คนที่มานั่งออกแบบก่อน อย่างแพทเทิร์นเราก็ไม่มีนะ ซึ่งเป็นนิสัยที่ไม่ดีเลย เราก็ตัดลงบนผ้าเลย ไม่มีแบบ ถ้าจะทำใบเดิมซ้ำ เราก็เอาใบเดิมมาวางแล้วก็กะขนาดเอา ก็ออกมาก็เท่าๆ กัน ต่างกันนิดหน่อย ดูไม่ค่อยออกหรอก (ยิ้ม)" เอยืนยัน

นอกจากนี้ ผลงานของเธอยังมีจุดเด่นตรงที่การนำวัสดุไม่เหมือนใครมาใช้อาทิ การนำพรมเช็ดเท้าหรือผ้าเช็ดตัวมาตัดทำกระเป๋าได้อย่างสวยงามถึงกับเรียกเสียงฮือฮาจากชาวอิตาลีมาแล้ว


มุ่งสู่อนาคต
แม้จะชอบแต่งตัวมาตั้งแต่เล็กๆ แต่ที่เคยวาดฝันไว้ตอนนู้นคือ การเป็นนักธุรกิจ มิใช่ดีไซนเนอร์ หากวันนี้ เธอก็กำลังเริ่มต้นมีแบรนด์เล็กๆ ของตัวเองภายใต้ชื่อว่า Monelladesign แปลว่าเด็กดื้อออกแบบ อันหมายถึงตัวเธอเอง โดยวางขายเฉพาะในเวบ http://www.monelladesign.com/ และตามคนรู้จักบอกต่อกัน ยังไม่นับรวมแผนการณ์ในอนาคตที่จะไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษสาขารองเท้าในปีการศึกษาถัดไปนี้ เอให้เหตุผลที่เลือกไปเรียนด้านนี้ว่า ตอนเรียนที่อิตาลีรู้สึกว่ายังไม่ค่อนชำนาญด้านรองเท้า และเวลาเรียนก็มีน้อยจึงอยากเรียนรู้ให้มากกว่านี้ ไม่เหมือนกับกระเป๋าที่แค่มองดู เธอก็รู้ขั้นตอนในการทำ

"ที่ไปเรียนไม่ใช่เพราะเราอยากได้ปริญญาหรอก เราคิดว่าประสบการณ์สำคัญกว่าปริญญา แล้วที่เราไปเรียนมา ก็ทำให้รู้สึกเลยว่าเราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ได้ดูแลรับผิดชอบตัวเอง ก็เลยวางแผนไว้ว่า พอเรียนจบก็อยากจะฝึกงานหาประสบการณ์ที่นู่นก่อน แล้วค่อยกลับมาเปิดร้านขาย Accessory ของตัวเอง อาจจะมีสินค้าเด็กๆ ด้วย เพราะเรารู้สึกว่าของใช้ของเด็กที่เมืองไทยมันไม่ค่อยน่าใช้ เลยอยากทำเอง อย่างตอนนี้ก็ทำกระเป๋าให้หลานๆ ที่บ้านใช้เองด้วย (ยิ้ม)" อนาคตอีกยาว ไกลใครจะรู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่เคยมีคำว่าสายเกินไปที่จะเริ่มต้น
o
ขอบคุณข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ โดย : วิภานี กาญจนาภิญโญกุล
huahinhub Thanks
o

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น