12.22.2552

| หัวหินประดามี ๓๑ (หัวหิน ฮิลล์ วินยาร์ด)












o
o
o
o
o
o
หัวหิน ฮิลล์ วินยาร์ด: เมื่อเจ้าพ่อกระทิงแดงพาช้างมาเดินเล่นในไร่องุ่น November 23rd, 2009
เรื่อง: พลอย มัลลิกะมาส

หากเอ่ยชื่อเครื่องดื่มชูกำลังยอดนิยมในบ้านเรา คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินคำว่า “กระทิงแดง” เครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์แรกของประเทศไทยที่อยู่ในตลาดมายาวนานกว่า 30 ปี ชื่อเสียงของกระทิงแดงนั้นเป็นที่รู้จักและติดปากคนไทยมาช้านาน กระทั่งยุคหนึ่งในอดีต คำว่า “กระทิงแดง” ได้กลายเป็นชื่อเรียกขาน (Generic Name) แทนคำว่า เครื่องดื่มชูกำลัง” ของคนไทยทั้งประเทศ ด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบถึงลูกถึงคนที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.2524
การแจกสินค้าให้ลูกค้าได้ทดลองชิมฟรี ถือเป็นวิธีการทำตลาดแบบดั้งเดิมที่นายเฉลียว อยู่วิทยา (*มหาเศรษฐีหมายเลข 1 ของเมืองไทย 3 ปีซ้อน จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์) ใช้สร้างฐานตลาดให้กับกระทิงแดงมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มก่อตั้งบริษัทฯ ซึ่งต่อมาก็ได้พัฒนากลายเป็น “Red Bull” (เรดบูล) แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลก เมื่อครั้งที่นายดีทริช เมเทสซิทซ์ นักธุรกิจชาวออสเตรีย เดินทางมาประเทศไทยในปีพ.ศ. 2525 และพบว่ากระทิงแดงช่วยให้อาการ Jet Lag ของเขาดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาได้ตัดสินใจขอร่วมลงทุนกับนายเฉลียว ก่อตั้งบริษัท Red Bull GmbH. ขึ้น เพื่อผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม Red Bull ในภาคพื้นยุโรป รวมทั้งส่งออกสู่ตลาดสากลอื่นๆ ด้วย
นอกจากจะเป็นพี่บิ๊กในธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังแล้ว ต่อมา คุณเฉลิม อยู่วิทยา ก็ได้บุกเบิกธุรกิจน้ำเมาขึ้นอีกธุรกิจในนามของบริษัท สยามไวน์เนอรี่ จำกัด ซึ่งหนึ่งในสินค้าน้องใหม่ที่น่าจับตาก็คือ ไวน์ไทย มอนซูน แวลลี่ย์ ที่ผลิตจากไร่องุ่น “หัวหิน ฮิลส์ วินยาร์ด” ไร่องุ่นหนึ่งเดียวในบริเวณบ้านคอกช้าง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่แต่เดิมเป็นพื้นที่ที่เคยเป็นไร่สัปปะรดซึ่งมีช้างป่าเอเชียอาศัยอยู่ จนสยามไวน์เนอรี่เข้ามาพัฒนาเป็นฐานการเพาะปลูกพันธ์องุ่นชั้นดี เริ่มต้นจากพื้นที่เล็กๆ เพียง 50 ไร่ ในปี พ.ศ. 2547 จนปัจจุบันไร่องุ่นแห่งนี้เติบโตครอบคลุมพื้นที่กว่า 250 ไร่ และจะขยายพื้นที่ต่อไปอีกจนครบ 1,000 ไร่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ครั้งแรกกับ Agro – Tourism ในหัวหินในวันที่ TCDCCONNECT ไปเยี่ยมชมหัวหิน ฮิลส์ วินยาร์ด สายลมและไอแดดอ่อนพัดมาอย่างไม่ขาดสาย ผ่านมาตามเถาองุ่นสีเขียวน้อยใหญ่ที่กำลังรอวันผลิดอกออกผล เสียงฝีเท้าของไกด์เฉพาะกิจร่างใหญ่ใจดี ค่อยๆ ลัดเลาะไปตามแปลงองุ่นที่ทอดตัวท่ามกลางขุนเขาสุดลูกหูลูกตา สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ของการมาเที่ยวหัวหินอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ภายใต้แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (หรือ Agro – Tourism) นี้ โครงการ หัวหิน ฮิลส์ วินยาร์ด นับเป็นไร่องุ่นครบวงจรแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของเมืองชายทะเลหัวหิน ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับทุกขั้นตอนของการผลิตไวน์ไทย เริ่มมากกระโดดขึ้นบนหลังช้างลัดเลาะไปในไร่องุ่น ชมการปลูกองุ่น การหมัก การบ่ม และการชิมไวน์ประเภทต่างๆ อย่างครบถ้วน (ว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากทริปท่องเที่ยวชิมไวน์ในยุโรปตอนใต้หรือออสเตรเลีย เว้นแต่ว่าที่หัวหิน ฮิลส์ วินยาร์ด ผู้มาเยี่ยมเยือนจะได้สัมผัสกับประสบการณ์พิเศษสุดบนหลังช้างด้วย)

คุณเฉลิม อยู่วิทยา กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยาม ไวเนอรี่ จำกัด กล่าวว่า “การเปิดไร่องุ่นหัวหิน ฮิลส์ วินยาร์ด ของสยามไวเนอรี่ในวันนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มไวน์ในประเทศไทยให้แพร่หลาย โดยเรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสเปิดบ้านของเราให้นักท่องเที่ยวได้ชมถึงแหล่งที่มาขององุ่นที่เราใช้ผลิตไวน์ไทยมอนซูน แวลลีย์ และเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ที่สามารถเพาะปลูกองุ่นคุณภาพดีในเขตร้อนได้
นอกจากนั้น เรายังรู้สึกภูมิใจที่สามารถช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้อีกทาง นอกเหนือจากทะเลและชายหาดซึ่งเป็นที่นิยมอยู่แล้ว” การท่องเที่ยวเชิงเกษตรนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (Sustainable Tourism) ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับธรรมชาติที่แท้จริง ผ่านกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อผลักดันให้นักท่องเที่ยวเกิดจิตสำนึกด้านบวก ตระหนักถึงความสำคัญของกระบวนการธรรมชาติ พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของผลผลิตการเกษตรเหล่านั้นมากขึ้น
แต่หากจะมองกันในมุมของธุรกิจ Agro – Tourism ก็คือ เครื่องมือชิ้นเยี่ยมทางการตลาด ที่ผู้ประกอบการและผู้ผลิตสินค้าประเภทอาหาร-เครื่องดื่มทั่วโลกนิยมใช้กันในการสร้างแบรนด์และเพิ่มมูลค่าสินค้า สำหรับเจ้าพ่อกระทิงแดงต้นตำรับ “ชิมก่อนซื้อ” คนนี้ Agro – Tourism ในหัวหิน ฮิลส์ วินยาร์ด น่าจะเป็นภาคหนึ่งของกลยุทธ์ Experiential Marketing ที่เปิดช่องให้ผู้บริโภคได้ “ลองสัมผัส “ กับสินค้าของเขาก่อนเช่นเดิม ไม่ต่างจากที่เขาเคยทำสำเร็จมาแล้วกับ “กระทิงแดง” เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน

ทุนนิยมที่เป็นมิตรมากขึ้นอย่างไรก็ดี การรุกล้ำเข้ามาของเงินทุนก้อนใหญ่และระบบ “เกษตรอุตสาหกรรม” ที่แผ่ขยายอย่างรวดเร็วในบริเวณบ้านคอกช้างนั้น แน่นอนว่า ต้องสร้างผลกระทบกับชุมชนและสภาพแวดล้อมดั้งเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ไม่ว่าจะต่อวิถีชีวิต การทำมาหากินของผู้คน หรือต่อระบบนิเวศแวดล้อม เช่น พืชพันธ์ที่เคยมีตามธรรมชาติ และฝูงช้างป่าเอเชียที่อาศัยอยู่ในแถบนั้น) ด้วยแรงกดดันทางสังคม และนโยบายเชิงเศรษฐกิจต่างๆ ที่หักมุมไปจากทศวรรษก่อน นี่คงเป็นโจทย์ข้อใหญ่สำหรับธุรกิจยุคนี้ที่จะต้องแก้ให้ตก “คุณจะใช้โมเดลอะไรขับเคลื่อนให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้โดยปราศจากเสียงก่นด่า?”
บริษัทสยามไวน์เนอรี่ดูจะตระหนักถึงอุปสรรคข้อนี้ดี การสร้างอาณาจักรหัวหิน ฮิลส์ วินยาร์ด ครั้งนี้ จึงต้องเป็นไปอย่างรอมชอมและเป็นมิตรกับชาวบ้านช้างให้มากที่สุด เริ่มจากการกำหนดนโยบายที่ส่งเสริมเศรษฐกิจของท้องถิ่นโดยรอบ เปิดโอกาสให้คนในชุนชนเข้ามามีส่วนร่วมกับการพัฒนาธุรกิจทั้งในระบบการเกษตรและการท่องเที่ยว อาทิเช่น นำช้างและคนงานที่มีอยู่แต่เดิมในพื้นที่มาร่วมงาน (ร่วมสร้างรายได้) กับทางไร่องุ่น โดยมองว่าเป็นการกระจายรายได้ของธุรกิจกลับคืนสู่ชุมชนในทางหนึ่ง
ด้วยวิสัยทัศน์และแนวคิดนอกกรอบของคุณเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าพ่อกระทิงแดง/เศรษฐีนักธุรกิจระดับเซียนคนนี้ เราคงต้องคอยดูกันต่อไปว่า หัวหิน ฮิลส์ วินยาร์ด ได้ก้าวเดินมาถูกทางแล้วหรือไม่
ไวน์ไทยละติจูดใหม่… ท่องเที่ยวเชิงเกษตร… ช้างป่าในไร่องุ่น…
“ใช่” หรือ “ไม่ใช่” สำหรับตลาดยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์ น่าติดตาม
huahinhub Thanks

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น