3.29.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๗ (นักสู้ แม่-ลูก)



ธุรกิจเล็กๆ มูลค่าหลักล้าน สองแม่ลูกนักสู้ นำเครื่องหอมปรุงเป็นยาดม บรรจุแพกเกจพอดีมือ มีดีไซน์ เจาะตลาดวัยรุ่น ยอดทะลุ 5 หมื่นกล่อง/เดือน

ในยุคที่การแข่งขันสูงไปเสียทุกอย่าง จะผลิตอะไรออกมา ก็ต้องพยายามสร้างความแตกต่างไม่ซ้ำใคร ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจราคาไม่กี่สิบบาท จำพวกเครื่องหอม ยาดม ที่พากันงัดกลยุทธ์ออกมาแข่งขัน แต่ในตลาดที่ร้อนแรง กลับมียาดมยี่ห้อหนึ่ง ออกมาวาดลวดลายดีไซน์กลิ่น ภายใต้กล่องหน้าตาเก๋ไก๋ จนใครๆที่ได้เห็น แอบติดใจ เจ้ากล่องหอมใบนี้

บ้านไม้หลังรั้วสีเขียวสลับเหลืองย่านตรอกมะตูมหลังนี้ มองยังไงก็ดูไม่รู้เลยว่า ภายในจะเป็นสถานที่ผลิตและจัดจำหน่าย 'กล่องชื่นใจ' กล่องหอม ดีไซน์น่ารัก ดึงดูดใจวัยรุ่น แต่บรรจุไว้ด้วยเครื่องหอมแบบโบราณที่ใช้เวลานานกว่า 5 ปีจึงจะคิดค้นสูตรออกมา จนได้กล่องหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
ทัศนีย์ และ นัทธ์หทัย วรรณชาติ สองแม่ลูกผู้ก่อตั้งยาดมโฉมใหม่ไม่เหมือนใคร ยิ้มแย้มต้อนรับเราภายในครัวขนาดกะทัดรัดที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้าบ้านชอบทำอาหารไม่แพ้
เครื่องหอมเป็นแน่

หลังจากเสริฟน้ำเสริฟท่า ทัศนีย์ก็เล่าให้ฟังแบบสบายๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ว่า ตัวเธอเองเริ่มต้นจากการทำธุรกิจบ้านจัดสรรมาก่อน แต่แล้วก็ตกงานโดยไม่มีเวลาให้ทำใจเมื่อตอนปี 24540 ช่วงนั้นรู้สึกแย่มาก ไม่กล้าบอกครอบครัวว่าออกจากงานแล้ว ก็พยายามหาอย่างอื่นทำ อาศัยที่รู้จักคนเยอะจึงเริ่มจากการรับของมาขายต่อ

ที่ผ่านมา ทำมาแล้วหลายอย่างทั้งขายหมูยอ (ที่เพื่อนทำ) แต่เลิกขายเพราะเพื่อนจู่ๆ ก็ขึ้นราคา ทำดอกไม้แห้งที่ขายดิบขายดีแต่ก็ต้องเลิกอีกเพราะโดนก๊อปปี้อย่างหนัก หากที่ทำมายาวนานจริงๆ คือ การบูร ซึ่งเธอบอกว่า เป็นเจ้าแรกๆ ที่นำการบูรอย่างดีมาบรรจุใส่ถุงอย่างสวยงาม

ทัศนีย์เล่าปนอารมณ์ขันว่า ที่มาของการทำการบูรขาย เนื่องมาจากเพื่อนชวนไปซื้อการบูรมาวางไว้ในเปียโนกันสายเปียโนโดนแมลงแทะ ขากลับก็ลองแกะดูในรถ ปรากฏว่ากลิ่นหอมชื่นใจ และรู้สึกสดชื่นผิวกายก็เลยสนใจอยากเอามาใส่ถุงสวยๆ แล้วลองเอามาแจกเพื่อนฝูงจนติดใจเชียร์ให้ทำขาย

หลังจากนั้นธุรกิจการบูรติดยี่ห้อ ‘พระจันทร์ยิ้ม’ จึงก่อกำเนิดขึ้นปี 2541 โดยวางขายที่แรกคือ ปั้มคาลเท็กซ์ ตามมาด้วยปั้มจิฟฟี่ โลตัส และเดอะ มอลล์ ซึ่งขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยฝีมือของเธอล้วนๆ ตั้งแต่หาวัตถุดิบ คิดรูปแบบแพ็คเกจน่ารักๆ ไปจนถึงขับรถส่งของเองตามปั้มน้ำมันในกรุงเทพ ส่งวันละ 30 เจ้าก็ทำมาแล้ว

“ไม่เคยคิดเลยเหมือนกันว่า ธุรกิจสิบยี่สิบบาทจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้” ทัศนีย์บอกยิ้มๆ ด้วยสีหน้าภูมิใจ หลังจากที่ทำยอดขายไม่หวาดไม่ไหวจากการบูรจนต้องจ้างคนงานถึง 20 คนในการผลิต
จากความซนผสมไอเดีย

หลังจากนั้น ความบังเอิญครั้งถัดมาก็เกิดขึ้น อันเป็นที่มาของ 'กล่องชื่นใจ' นางเอกของงานที่พาเรามาถึงที่นี่เธอเล่าต่อว่า ปกติเป็นคนดมๆ กลิ่นไทยๆ อย่างส้มมือ หรือที่คนเรียกกันว่าส้มโอมือ แล้วก็มีเพื่อน (อีกแล้ว) บอกว่า ถ้าชอบส้มมือนักจะให้ลองดมส้มมือของที่บ้าน ซึ่งเป็นสูตรของคุณยาย เก็บมาหลายสิบปีแล้วจนคุณยายเสียแต่กลิ่นก็ยังหอมอยู่

เมื่อได้ลองดมแล้วก็เกิดติดใจ ตามมาด้วยความซนตามประสาคนไม่ชอบอยู่เฉย ชอบทำนู่นทำนี่ตลอดเวลา จึงเอามาลองศึกษาดูว่าใส่อะไรบ้าง ใช้เวลาไปตามร้านขายยาจีน ลองผิดลองถูกอยู่นาน จนได้สูตรที่พอใจ ที่เธอไม่หวงแต่อย่างใดเพราะเคล็ดลับอยู่ที่ขั้นตอนการบ่มต่างหาก เธอว่า

กล่องชื่นใจจึงมีส่วนผสมที่อาจไม่แตกต่างจากยาดมทั่วไป แต่ที่สำคัญคือ ใช้ของดี ของแท้ แพงไม่ว่า อันประกอบไปด้วย ส้มมือ ดอกจันทร์ สมุนละแว้ง กานพลู และพิมเสนนำมาผสมในอัตราส่วนที่กำหนดแล้วบ่มไว้ในถัง ห้ามเปิดฝาเลยเป็นเวลา 1 ปีเต็ม

ที่ต้องบ่มนานขนาดนี้ ก็เพื่อให้น้ำมันจากสมุนไพรแต่ละชนิดออกมาคลุกเคล้ากันในภาชนะบ่มและทำให้ได้กลิ่นติดทนนาน แบบที่เจ้าตัวการันตีว่า “กลิ่นหมด เมื่อหาย” ผ่านไป 10 ปี ถ้าไม่ทำหายก็ยังมีกลิ่น ขอแค่ปิดฝาอย่างดี

นอกจากจะมีกลิ่นหอมสดชื่นไม่เหมือนใครแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้กล่องชื่นใจทำตลาดมาแรงแบบเงียบๆ ซึ่งทัศนีย์บอกว่า กว่าจะได้กล่องแบบนี้ไม่ใช่ง่ายๆ ลองมาแล้วหลายแบบ ถ้าสั่งทำแล้วใช้ไม่ได้ก็ต้องโละทิ้งไป กว่าจะมาลงตัวที่กล่องทรงกระบอกขนาดพอดีมือที่ได้ไอเดียมาจากกล่องเก็บชาของจีน แถมยังต้องบุกระดาษฟอยล์ด้านในเพื่อไม่ให้น้ำมันหอมจากสมุนไพรซึมออกมา

แต่เมื่อได้ออกมาก็สมใจ เพราะสามารถเรียกลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นได้ จากที่ยาดมทั่วไปมักจะมีรูปร่างหน้าตาพื้นๆ ออกแนวคนแก่ หากกล่องชื่นใจพกแล้วไม่โดนเพื่อนล้อแน่ มีแต่จะขอลองดมว่า 'ยาดมอะไรหว่า?'
แม้จะวางขายได้เพียงปีเดียว แต่กล่องชื่นใจก็มียอดผลิตถึง 40,000-50,000 กล่องต่อเดือน สร้างรายได้หลักแสน ให้กลับธุรกิจครอบครัวเล็กๆ ที่มีแม่เป็นผู้ผลิต ลูกสาวช่วยทำการตลาดและลูกชายที่รับหน้าที่จัดส่งของไปร้านค้าปลีกที่เน้นไปที่กลุ่มร้านสมุนไพร ปั้มน้ำมัน และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างตลาดน้ำอัมพวา ซึ่งทัศนีย์บอกว่าขายได้เดือนละ 5,000 กล่องเฉพาะที่เดียว

นอกจากนี้เธอยังมีแผนการใกล้ๆ ว่า อยากจะให้กล่องชื่นใจกลายเป็นสินค้าโอท็อป ที่ทุกวันนี้ตัวเธอเองก็กระจายรายได้ให้กับชุมชมละแวกฝั่งธนบุรีนี้ โดยให้แต่ละบ้านรับวัตถุดิบแต่ละชนิดไปหั่น และนำมาส่งที่บ้าน โดยเธอเองจะเป็นผู้ปรุงส่วนผสมพร้อมด้วยลูกมืออีก 2 คนที่ช่วยบรรจุผลิตภัณฑ์

สำหรับผู้หญิงวัย 51 ปีคนหนึ่ง กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ ไม่ได้มาง่ายๆ ล้มลุกคลุกคลานมาก็มาก หากเคล็ดลับความสำเร็จของเธอนั้น ไม่ได้มาจากแผนการตลาดที่ซับซ้อนแต่อย่างใด ทว่ามาจากความชอบในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างจริงจัง ดังที่เธอบอกว่าทุกอย่างล้วนมาจิตวิญญาณภายใน ผนวกกับการค้นหาความคิดใหม่ๆ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือเดินทางไปไหน

“ในความคิดของเรา เราก็ว่าเราสำเร็จขั้นหนึ่ง มีลูกคอยเป็นกำลังและต่อยอดในสิ่งที่ทำ แต่ถ้าจะให้สำเร็จมากกว่านี้ก็ต้องได้รับโอกาสจากคนไทยด้วยกันเองในการสนับสนุนสินค้าไทยให้มีที่มีทางวางขาย ทำให้คนรู้จักสินค้าเรามากกว่านี้”

ความฝันในอนาคตของเธอนั้นเรียบง่ายธรรมดา ด้วยความที่ชอบทำอาหาร เธอจึงกะว่า เมื่อธุรกิจเป็นที่เป็นทางมากกว่านี้ จะหันมาเปิดบ้านทำร้านอาหารเล็กๆ แบบที่ชอบ แล้วให้ลูกๆ ช่วยกันดูแลธุรกิจต่อไป
ซึ่งถั่วแดงกวนหวานเย็นที่ลูกสาวเธอน้ำมาเสริฟปิดท้าย ก็ช่วยยืนยันถึงความสามารถอีกด้านของผู้หญิงคนนี้ได้เป็นอย่างดี และบางทีสิ่งที่เราได้มากที่สุดในการมาวันนี้ อาจะไม่ใช่แนวคิดในการทำธุรกิจเล็กๆ ให้มีมูลค่าหลักล้าน หากเป็นความใจสู้และไม่หยุดนิ่งของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้กับอะไรทั้งนั้น
ไม่เว้นแม้แต่สิ่งที่เรียกว่า 'โชคชะตา'

รู้อย่างนี้ เพื่อนพี่น้องชาวหัวหิน ที่รัก ก็ต้องสู่กันต่อไป....huahinhub ขอเป็นกำลังใจให้ อย่างเต็มที่ ต้องสู้จึงจะชนะ.....เจินเจิน เธอว่าอย่างนั้น......ha !


ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ/ชัยบวร ศรีลูกหว้า/ทัศนีย์ นัทธ์หทัย วรรณชาติ
huahinhub Thanks

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น