5.22.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๕๓ (บุหรี่คร่าชีวิตคนไทยไปแล้วกว่า 1 ล้านคน)




บุหรี่ก่อความสูญเสียต่อสังคมไทย และทั่วโลกมหาศาล ขณะนี้บุหรี่คร่าชีวิตคนทั่วโลกปีละ 5.4 ล้านคน หรือวันละ 14,794 คน ส่วนไทยตายแล้วรวม 1 ล้าน

hhhh
hhh
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า บุหรี่คร่าชีวิตคนทั่วโลกปีละ 5.4 ล้านคน หรือวันละ 14,794 คน
h
ในประเทศไทยนับตั้งแต่ พ.ศ.2529 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 23 ปี มีคนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ไปแล้วประมาณ 1 ล้านคน และขณะนี้ยังมีคนไทยที่สูบบุหรี่อยู่อีก 9.5 ล้านคน หากคนเหล่านี้ไม่เลิกสูบบุหรี่ ประมาณหนึ่งในสามหรือ 3 ล้านคนจะป่วยและเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่
hhh
Dr.Maureen E Birmingham ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2552 นี้ องค์การอนามัยโลกได้กำหนดคำขวัญวันงดสูบ
บุหรี่โลก 31 พฤษภาคม ไว้ว่า Tobacco Health Warnings เพื่อต้องการกระตุ้นให้รัฐบาลของทุกประเทศพัฒนาให้คำเตือนบนซองบุหรี่มีประสิทธิภาพในการสื่อถึงพิษภัยและอันตรายที่แท้จริงจากการใช้ยาสูบ ทั้งต่อผู้ที่สูบบุหรี่และผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง
hhhh
อีกทั้งเพื่อรณรงค์ป้องกันวัยรุ่นจากการทดลองสูบบุหรี่ เพราะส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าการลองสูบบุหรี่จะนำไปสู่การเสพติดบุหรี่ การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกคนรู้ถึงพิษภัยและอำนาจการเสพติดของบุหรี่ที่แท้จริงโดยการพิมพ์คำเตือนเป็นรูปภาพ อย่างที่ประเทศไทยทำ
hhhh
จึงมีความสำคัญมากในการที่จะทำให้ผู้ที่ติดบุหรี่อยู่แล้ว เกิดความรู้และแรงบันดาลใจที่จะเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ โดยขณะนี้ทั่วโลกมีผู้สูบบุหรี่ 1,300 ล้านคน ในจำนวนนี้ 500 ล้านคนจะเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่
hhhh
นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดคำขวัญเป็นภาษาไทยของการรณรงค์ปีนี้ว่า บุหรี่มีพิษ ร่วมคิดเตือนภัยทั้งนี้ บุหรี่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงการเกิดโรคอันดับ 3 ของคนไทยรองจากพฤติกรรมทางเพศ (เอดส์) และสุรา
แต่ละปีมีคนไทยที่เสียชีวิตจากการสูบ
บุหรี่ปีละ 42,000 คน คิดเป็นชั่วโมงละ 4.7 คน หรือ วันละ 115 คน จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2550 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ที่อายุมากกว่า 15 ปี เสพติดบุหรี่ถึง 9.5 ล้านคน เป็นชาย 9 ล้านคน คิดเป็น 36.5% เป็นหญิง 420,000 คน คิดเป็น 1.6% โดยเป็นเยาวชนไทยสูบบุหรี่ถึง 1,270,721 คน
hhhh
ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือกันเตือนพิษภัยของบุหรี่และการได้รับควันบุหรี่มือสอง โดยขอให้คนในครอบครัว ญาติมิตรและเพื่อนฝูงช่วยกันเตือนสติผู้ที่สูบบุหรี่ให้เลิกสูบ และเด็ก ๆ ที่ยังไม่ติดบุหรี่ไม่ให้ริเริ่มสูบ ทั้งนี้การสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าโทรทัศน์เป็นแหล่งสำคัญที่สุดที่ให้ข้อมูลพิษภัยของบุหรี่คือ 82% ข้างซองบุหรี่ 36% สื่อสิ่งพิมพ์ 22% บุคลากรสาธารณสุข 21% เพื่อน/ญาติ 18% วิทยุ 15% คนในบ้าน 10% ครู 1.7% พระ 0.8% และสาเหตุที่สัดส่วนการได้รับความรู้จากข้างซองบุหรี่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากคนไทยที่สูบบุหรี่ครึ่งหนึ่งสูบบุหรี่มวนเอง ซึ่งไม่มีคำเตือน
hhhh
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะมีการพิมพ์คำเตือนเป็นรูปภาพแล้ว แต่ขณะนี้บริษัทบุหรี่ได้ทำซองให้มีสีสันเพื่อลดทอนประสิทธิภาพของคำเตือน และบางบริษัททำผิดกฎหมายด้วยการยังคงมีคำว่า light, mild หรือรสอ่อน ปรากฏอยู่บนซอง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีกฎหมายห้าม
hhhh
ขณะนี้ตนกำลังรวบรวมหลักฐานและเอกสารทั้งหมดเสนอต่อกระทรวง เพื่อให้มีการจัดการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ตามแนวทางปฏิบัติของกรอบอนุสัญญาเพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบมาตรา 11 ว่าด้วยการพิมพ์คำเตือนและฉลากบนซองบุหรี่ ได้กำหนดไว้ว่า ห้ามพิมพ์ข้อความหรือสัญลักษณ์ใด ๆ ที่ทำให้เข้าใจว่ายาสูบนั้นมีอันตรายน้อย หรือมีรสชาติพิเศษ ทั้งนี้เพราะยาสูบไม่ว่าอยู่ในรูปแบบใด หรือรสชาติใด ล้วนมีอันตรายต่อสุขภาพทั้งสิ้น
jjjhhhh
ก็ต้องฝากเพื่อนพี่น้องชาวหัวหิน ไว้ ณ ที่นี้ด้วย บุหรี่ ติดง่าย เลิกยาก..นะว่ามั๊ย

ขอบคุณข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ
Huahinhub Thanks
hh

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น