5.19.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๔๖ (Beauty Food)


ความสวยงามกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน ดังสุภาษิตที่ว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” ดังนั้น เครื่องสำอางจึงเป็นสิ่งที่หญิงสาวหลายคนต้องมีไว้เพื่อใช้ปรุงโฉมให้ตนเองดูดีอยู่เสมอ ซึ่งนอกเหนือจาก บลัชออน มาสคาร่า ลิปสติก ที่สาวๆ ใช้แต่งเติมใบหน้าให้สวยขึ้นแล้ว


ปัจจุบันยังมีเครื่องสำอางอีกชนิดซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของสาวๆ ทั่วโลก นั่นคือ อาหารเพื่อความงาม (หรือ Beauty Food) เครื่องสำอางชนิดนี้ไม่ได้ใช้เติมสวยจากภายนอก หากแต่เป็นการแต่งเติมจากภายในและทำให้ความงามเปล่งประกายสู่ภายนอกได้

อาหารเพื่อความงาม (Beauty Food หรือ Cosmeceutical Food) จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่ให้คุณค่าเฉพาะ (Functional Food) โดยมีสารอาหาร “เชิงหน้าที่” ที่ให้สรรพคุณด้านความสวยงาม บำรุงผิวพรรณให้นุ่ม ชุ่มชื่น ยกกระชับ มีน้ำมีนวล และกระจ่างใส สารอาหารนี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งล้วนเป็นสารที่ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆ และเป็นสารที่สกัดจากพืช ผัก ผลไม้ ตามธรรมชาติ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ ไฟโตนิวเทรียนท์ และโพรไบโอติก เป็นต้น

ปัจจุบันอาหารเพื่อความงามกำลังได้รับความนิยมและจัดว่าเป็นเทรนด์ฮอตในหลายๆ ประเทศทั่วโลก มีข้อมูลที่น่าสนใจจาก The Mintel Global New Products Database ว่า ในปี 2549 ส่วนแบ่งตลาดอาหารเพื่อความงามในทวีปเอเชียแปซิฟิกคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.9 ของอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมด และส่วนแบ่งตลาดนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 35 ในปี 2550 ขณะที่อเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.9 เป็นร้อยละ 4.7 ส่วนในยุโรปนั้นก็เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าตัวเช่นกัน

สำหรับในประเทศไทย ถ้าอยากทราบว่าอาหารเพื่อความงามได้รับความนิยมมากขนาดไหน ให้สังเกตดูผลิตภัณฑ์ Beauty Food หลากหลายยี่ห้อที่แห่กันขึ้นจับจองพื้นที่บนชั้นดิสเพลย์ของร้านสะดวกซื้อ หรือซุปเปอร์มาเก็ต และจำนวนโฆษณาทางโทรทัศน์ที่มีการกล่าวอ้างถึงสรรพคุณสินค้าว่า “ทานแล้วจะช่วยให้สวยขึ้นได้” อย่างไรก็ดีตลาดผลิตภัณฑ์ Beauty Food ในประเทศไทยนั้น ยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้น ปัจจุบันตลาดยังมีขนาดเล็กและสามารถเติบโตได้อีกมาก

รูปแบบผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อความงามนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบบอัดเม็ดหรือแคปซูล แล้วจึงก้าวเข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อความงาม (Beauty Drink) ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ Beauty Food หลากหลายรูปแบบที่เพิ่งวางตลาด และเริ่มได้รับความนิยมตามมา อันได้แก่ ขนมขบเคี้ยว ชีส นม โยเกิร์ต และขนมหวาน

ผลิตภัณฑ์ Beauty Food ที่วางจำหน่ายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก มีการกล่าวอ้างสรรพคุณที่น่าสนใจมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้นำตลาดอาหารเพื่อความงาม (Beauty Food) ของโลก ที่นี่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะมีคอลลาเจนเป็นส่วนผสมหลัก เช่น หมากฝรั่งรสผลไม้ที่มีส่วนผสมจากคอลลาเจน 1,500 มิลลิกรัม ซึ่งช่วยให้ผิวสวย เครื่องดื่ม Day & Night Collagen Enriched Low-fat Drink ที่อุดมด้วยคอลลาเจน ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่น เต่งตึง ทานแล้วไม่อ้วน เครื่องดื่มโซดา (Lightly carbonated beverage) ผสมสารสกัดจากดอกกุหลาบ (Rose Extract) มีสรรพคุณช่วยให้ผิวขาว และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น

ส่วนในอเมริกาและยุโรปจะเน้นการใช้ส่วนผสมตามธรรมชาติเป็นหลัก และมีการรวมสรรพคุณเรื่องความสวยและสุขภาพที่ดีเข้าไว้ด้วยกันในผลิตภัณฑ์เดียว เช่น น้ำดื่ม และช็อกโกแลตแท่งยี่ห้อหนึ่งจากสหรัฐอเมริกา ที่ผสมสารต้านอนุมูลอิสระจากทับทิมและไบโอวิตามินคอมเพล็กซ์ มีสรรพคุณช่วยกำจัดสารพิษจากร่างกาย และทำให้ผิวพรรณสดใส เครื่องดื่มจากชาที่ผสมด้วยพืชสมุนไพรต่างๆ เช่น เปปเปอร์มินต์ และคาโมไมล์ ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดอาการอักเสบของผิวหนัง และช่วยกำจัดสารพิษ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่สกัดจากซุปเปอร์ฟรุ๊ต (Super Fruit) 5 ชนิด ได้แก่ อะไคเบอร์รี่ (Acai Berry) โกจิเบอร์รี่ (Gogi Berry) มาราคูจ้า (Maracuja) อะซีโรล่า (Acerola) และทับทิม (Pomegranate) มีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชลอความแก่ ลดริ้วรอย เป็นต้น

สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้น Beauty Food ถือได้ว่าเป็นกลุ่มอาหารที่มีศักยภาพสูง และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมและวางตลาดอยู่ในขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมหลักจากโคเอนไซม์คิวเทน และคอลลาเจน ซึ่งมีจุดขายอยู่ที่ความสวยใส ไร้ริ้วรอย และดูอ่อนวัยของผิวพรรณ ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มสุภาพสตรี ซึ่เป็นกลุ่มเปิดรับต่อเทรนด์ความงามอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ดังนั้น จึงไม่น่าจะใช่เรื่องยากเช่นกัน ที่จะสร้างการรับรู้ต่อแนวคิด “สวยจากภายในสู่ภายนอก” ในกลุ่มลูกค้าสุภาพสตรีนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ Beauty food ประสบความสำเร็จได้นั้น ยังต้องคำนึงถึง การใช้ส่วนผสมที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียง การตั้งสูตรอาหารที่เหมาะสม มีรสชาติที่ผู้บริโภคยอมรับ รวมทั้งแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพด้วย

อาหารกลุ่ม Beauty Food นี้ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า การนำความคิดสร้างสรรค์ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาผสานกันให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น สามารถสร้างคุณค่า (และมูลค่า) ให้กับผลิตภัณฑ์ได้ในตลาดโลก

ดังนั้นสำหรับผู้ประกอบการไทยแล้ว จะเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง หากเราปล่อยให้กระแสความแรงของอาหาร Beauty Food นี้หลุดลอยไปโดยไม่ทำอะไร เพราะในฐานะที่เมืองไทยมีความได้เปรียบทางวัตถุดิบและศาสตร์จากธรรมชาติอยู่แล้ว เราน่าจะเร่งพัฒนาต้นทุนที่เรามีอยู่ผสมผสานความรู้และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับสินค้าไทยให้สามารถแข่งขันและคว้าโอกาสทองจากกระแสการบริโภค “ความงาม” ในครั้งนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tcdcconnect.com
huahinhub Thanks

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น