5.18.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๔๐ (ภาพมีชีวิต)



กว่าจะได้ภาพถ่าย ที่สมบูรณ์แบบสักภาพ ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แสง สี อารมณ์ จังหวะ ตลอดจนความไวของช่างภาพ

เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่มีชีวิตชีวา สวยงาม และมีเพียงภาพเดียวในโลก 'ภาพถ่ายมีชีวิต' หรือ
Dramatic Photo คือ การถายภาพประเภทหนึ่งที่นำเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาอยู่รวมกัน ว่าไปแล้วก็เหมือนกับการสร้างนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เรื่องราวนั้นๆ จบอยู่ในภาพ หรือ ไม่ก็ทำให้คนดูคิดต่อไปได้อีกมากมาย

การถ่ายภาพ dramatic มีอะไรอีกมากมายที่คนทั่วไป หรือแม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อว่า 'ช่างภาพ' ก็อาจจะยังไม่เข้าใจว่า มันคืออะไร? ภาพที่เห็นเป็นภาพจริง หรือรีทัช...ก็สุดจะเดา

'ไม้หลัก' หรือ สุรเชษฐ น้ำทิพย์ เจ้าของ 19 studio ช่างภาพผู้มากด้วยประสบการณ์ ที่ฝากผลงานการถ่ายภาพไว้แล้วหลากหลายแนวทาง แต่สุดท้ายก็มาลงตัวที่ Dramatic Photo ที่เขาบอกว่า การถ่ายภาพแนวนี้ ช่างมีความท้าทาย และเป็นงานที่ต้องใช้พลังตลอดเวลา

แม้สุรเชษฐจะมีประสบการณ์ในการถ่ายภาพมานับสิบปี แต่ก็เป็นการถ่ายภาพข่าว หรือเป็นการถ่ายทั่วไป เขาเพิ่งหันมาจับ Dramatic Photo เมื่อ 4 ปีที่แล้ว จนกระทั่งมีผลงานได้รับการยอมรับและออกหนังสือสอนถ่ายภาพของตัวเองมาแล้วหลายเล่ม

“งานของผม ผมว่าเป็นการถ่ายแบบหมู หมา กา ไก่ ส่วนที่มีคนเห็นภาพแล้วบอกว่าเป็นฝีมือช่างภาพมืออาชีพ คำๆ นั้นเป็นเพียงสังคมมอบให้ แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่“ สุรเชษฐ เล่าย้อนถึงความรู้สึกส่วนตัว พร้อมกับขยายความที่ว่า 'ไม่ใช่' นั้นเกิดจากความแตกต่างในฝีไม้ลายมือระหว่างตัวเขาเองกับช่างภาพต่างประเทศ เมื่อครั้งสมัยที่เคยทำสารคดีร่วมกัน

“ของต่างประเทศทำ ผมเห็นว่ามาจากฝีมือจริงๆ พอผมเห็นความต่าง ผมก็เริ่มปฎิวัติตนเองใหม่ เริ่มมาหัดถ่ายรูปใหม่ มาเรียนรู้ใหม่ ถามตนเองว่า กล้องคืออะไร ถ่ายภาพคืออะไร“ สุรเชษฐเล่า
และในที่สุด เขาก็ได้คำตอบว่า งาน Dramatic นั้น เป็นเรื่องราวๆ หนึ่งที่เล่าจบในภาพๆ เดียว ทุกอย่างต้องคิดได้ไม่เกิน 5 วินาทีกับการลั่นชัตเตอร์เพื่อให้ได้ภาพทุกรูปแบบตามจินตนาการ โดยไม่มีเงื่อนไขหรือทฤษฎีมาเป็นกำแพงกั้นจินตนาการ เพราะตราบใดที่ยังคงยึดหลักการทฤษฎีการถ่ายภาพแล้ว ทุกอย่างก็จะวิ่งวนอยู่ในกรอบเช่นกัน

จาก 'แสง' สู่เรื่องราว
ผ่านงานถ่ายภาพมานาน ในฐานะช่างภาพอาชีพเขาบอกว่า ปัจจัยสำหคัญในการสร้างความงามของภาพถ่ายแต่ละรูปก็คือ 'แสง' ที่ทำให้ภาพถ่ายมีชีวิต เพราะการมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้นั้นเราต้องอาศัยการสะท้อนของแสง เขาย้ำว่า แสงเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญพอๆ กับการจัดองค์ประกอบภาพ และส่งผลต่ออารมณ์ของภาพ โดยแสงแต่ละช่วงเวลาก็บ่งบอกอารมณ์ไปตามลักษณะของอุณภูมิแสงและสีสัน แต่ละช่วงของวันก็จะสะท้อนอารมณ์ของแสงที่แตกต่างกัน เช่น แสงแรกของวันจะให้ความสดชื่น แสงตอนเย็น บ่งบอกถึงการลาจาก ส่วนทิศทางของแสงนั้นจะเป็นตัวสร้างมิติให้กับภาพ

แสงจึงมีส่วนสำคัญมากในการดำเนินเรื่องราวของภาพถ่ายทุกใบ เพราะถ้าไม่มีแสงก็ไม่มีภาพนั่นเอง
มาถึงตรงนี้ก็พอจับใจความได้ว่า การถ่ายภาพแบบ
Dramatic Photo ก็คือศาสตร์ในการถ่ายภาพที่รวมเอาองค์ประกอบหลายอย่างเข้าด้วยกันทำให้ภาพออกมามีชีวิตชีวาซึ่งประกอบไปด้วย แสง อารมณ์ จังหวะ โอกาส ช่วงเวลา และการคาดการณ์ล่วงหน้า กลายมาเป็นภาพหนึ่งภาพ และเป็นเพียงภาพเดียวในโลก เพราะช่วงจังหวะในการถ่ายนั้นผ่านแล้วผ่านเลยย้อนกลับมาถ่ายใหม่ไม่ได้

การถ่ายภาพให้ได้ผลงานที่มองดูแล้วโดดเด่นนั้น สิ่งแรกเลยต้องมาจาก คนถ่าย กล้อง และการฝึกหัดเป็นคนช่างคิดช่างสังเกตุ เขาเล่าว่า บางครั้งก่อนถ่ายภาพ หากเราแค่มองผ่านๆ กวาดสายตาแบบคร่าวๆ เราก็อาจจะไม่เห็นสิ่งสวยงาม หรือไม่เห็นบางสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ ซึ่งมันอาจจะเป็นเพียงข้างทางที่มีแต่ขยะ พื้นที่รกรุงรัง หาความสวยงามไม่เจอ ให้ลองหัดใหม่ ด้วยการมองแบบไตร่ตรอง คิด วิเคราะห์ เจาะเฉพาะส่วน ทำตาเราให้เป็นมุมกล้องตลอดเวลา คุณอาจจะได้ภาพที่เกินความคาดหมายก็เป็นได้

แล้วอย่าลืมมองข้ามกฎ กติกาชั่วขณะ ให้เหลือเพียงแค่คำว่า 'ศิลป' ที่จะนำมาซึ่งภาพถ่ายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ความมีชีวิตชีวา จังหวะ หรือ ที่เรียกว่า 'ภาพถ่ายมีชีวิต'

ขอบคุณข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ โดยปรียา เทศนอก huahinhub Thanks

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น