5.13.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๓๕ (เสิร์ฟบุญยุคไฮเทค)


h
h
h
h
h
h
h


ธุรกิจ"บุญ" กับการปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์พ.ศ.นี้ ร้านสังฆภัณฑ์ห้องแถวจึงยกระดับมาเป็นห้างติดแอร์ บริการครบวงจร

เปิดตัวธุรกิจได้ไม่ธรรมดา สำหรับพลพรรค "สังฆภัณฑ์" ที่มุ่งเติบใหญ่ในตลาดคนใจบุญ กับการเปิดตัว "
ห้างสรรพสินค้าสังฆภัณฑ์" แห่งแรกของชาวพุทธ เพื่อชาวพุทธ โดยชาวพุทธ ที่จำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์และของใช้ทำบุญทุกชนิด เปลี่ยนภาพร้านสังฆภัณฑ์ห้องแถว มาเป็นห้างติดแอร์เย็นฉ่ำ บริการแบบ "One -Stop service" ปลุกคนรักศาสนาช้อปที่เดียวได้ทุกงานบุญ

สเตปเดินหน้าธุรกิจของพวกเขาในวันนี้ คือการต่อยอดบริการแบบไร้ขีดจำกัด เรียกว่าคนยุคนี้อยากได้อะไรพร้อม "จัดให้" ประกาศตัวเป็น "ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนพิธี" อย่างเต็มภาคภูมิ

นับจากจุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้ ธุรกิจ "สังฆภัณฑ์" มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง "สกล แสงมาลี" ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติธรรมสังฆภัณฑ์ บริษัท สังฆภัณฑ์ จำกัด บอกเราว่า พวกเขาเริ่มต้นจากรับผลิตกล่องใส่พระส่งให้กับทางวัดและลูกค้าทั่วไป ต่อยอดจากโรงงานฉีดพลาสติกส่งออกที่กำลังไปได้ดี จากนั้นมีโอกาสถวายงานพระสงฆ์มากขึ้น จึงพัฒนาบริการมาสู่ตัวกลางจัดหาผลิตภัณฑ์ให้กับทางวัด อาทิ พระผง พระบูชา โดยรับงานแล้วไปจ้างโรงงานผลิต

การได้ใกล้ชิดศาสนา นำมาซึ่งแรงศรัทธาเต็มเปี่ยม ที่อยากมาทำอะไรเพื่อชาวพุทธ ที่มาของการเปิด "ห้างสรรพสินค้าสังฆภัณฑ์" เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พระภิกษุสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน พร้อมบริการที่ครบวงจร

ในวันแรกที่คิดจะทำ ไม่มีเสียงเชียร์จากคนรอบข้าง เพราะต่างมองว่า ธุรกิจนี้ต้องสืบทอดมาจากคนรุ่นต่อรุ่นเท่านั้น แต่สำหรับคนไม่มีประสบการณ์จะเดินหน้ากิจการย่อมลำบาก

"ทุกคนบอกแค่ว่าเราไม่รู้จักของพวกนี้จะทำได้อย่างไร ผมจึงเริ่มหาข้อมูล และศึกษามันอยู่นานถึง 4-5 ปี จากที่ถวายงานพระ เดิมแค่ไปติดต่อสั่งของมาก็จบ แต่ผมเริ่มเรียนรู้มากขึ้น อย่างในร้านสังฆภัณฑ์หนึ่งร้านต้องมีอะไรบ้าง งานศาสนพิธีต้องมีอะไร ลองสังเกตลูกค้าที่เข้ามาไม่ต้องมีลิสท์รายการแค่บอกว่าจะบวชพนักงานก็แนะนำสินค้าให้ได้หมด ผมใช้เวลาสั่งสมความรู้อยู่นาน ก่อนตัดสินใจเดินหน้าธุรกิจนี้ และมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสนพิธีแห่งแรกของเมืองไทย"

แม้การเริ่มต้นมาจากแรงศรัทธาในศาสนามากกว่าหวังร่ำรวยเงินทอง แต่เมื่อต้องการความยั่งยืนก็ปฏิเสธไม่ได้ที่ต้องมองเรื่อง "ธุรกิจ" และ "กำไร"

"พอตั้งใจจะทำห้าง เราก็ต้องทำให้มันทันสมัย อำนวยความสะดวกเรื่องที่จอดรถ แอร์ การจัดเชลฟ์ที่ทันสมัย ที่สำคัญต้องมีสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับพิธีทางศาสนาครบทุกชนิด เขาเดินเข้ามาที่นี่ต้องได้ทุกอย่างไม่ต้องไปที่ไหนอีก"

สินค้าจากทั่วสารทิศจึงมารวมไว้ที่นี่ที่เดียว กับราคาที่เริ่มกันตั้งแต่หลักสลึงจนถึงหลักล้านบาท!
ช่องทางขายไม่ได้มีแค่ห้างฯ ถ้าคิดจะให้ครบวงจรอย่างสังฆภัณฑ์ว่า ก็ต้องให้รอบด้านกว่านั้น พวกเขาจึงเปิด สังฆภัณฑ์ดอทคอม (
www.sangkapan.com) หน้าร้านออนไลน์ มารับใช้กลุ่มคนรุ่นใหม่ ช่องทางนี้ไม่ได้ให้แค่ความสะดวกในการเข้าถึงสินค้าและบริการของสังฆภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังบรรจุความรู้เกี่ยวกับศาสนพิธีอย่างอัดแน่น บริการให้คำปรึกษาฟรี มีข้อมูลโปรโมชันประจำเดือน และข่าวสารงานบุญอีกสารพัด เรียกว่าเลือกทำตลาดบนช่องทางดอทคอม เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด เอาใจคนอยู่ไกล กับบริการดิลิเวอรี่บุญ จัดส่งสินค้าทั่วประเทศที่เจ้าตัวการันตีว่าส่งได้ภายใน 24 ชั่วโมง ด้วยความมุ่งมั่นว่าจะให้บริการครบวงจร ดังนั้นจึงขาดไม่ได้สำหรับงานบริการด้านพิธีกรรมเชิงบิซซิเนส

"จากการรับปรึกษาเกี่ยวกับศาสนพิธี โดยเรามีที่ปรึกษาทั้งฝ่ายสงฆ์ ฆรวาส นักวิชาการที่ศึกษาเกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เราจึงพัฒนามาสู่บริการรับจัดงานพิธีทางศาสนาทุกชนิด"
รายชื่อของงานพิธีกรรมกว่า 20 รายการที่ปรากฎบนเว็บไซต์ เรียกว่า ไม่ธรรมดา และรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ทีเดียว ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นแพคเกจตามความหนัก-เบาของงบประมาณ


"เราทำออกมาเป็น 4 แพคเกจ ตั้งแต่ธรรมดา วิมานเงิน หลักหมื่นบาท ไปจนสูงสุด วิมานทิพย์ ไม่มีขีดจำกัด เพราะความต้องการและศักยภาพของคนแตกต่างกัน เรียกว่าอยากได้ธรรมดาๆ ไปจนหรูหราแค่ไหนก็ได้ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นงานบวช งานศพ และงานทำบุญวันเกิด ที่เคยรับจัดสูงสุดก็หลักล้านบาท"

งานอะไรที่คนยอมควักกระเป๋าจ่ายเป็นล้าน! แล้วพวกเขาจะจัดได้อลังการแค่ไหน "สกล" บอกเราว่า เคยจัดงานทำบุญวันเกิดของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ฉลองครบรอบ 72 ปี นิมนต์พระทั้งหมด 79 รูป มีพระสมเด็จเป็นประธาน งานนั้นงานเดียว หมดไปเกือบสองล้านบาท!!

แต่งานแบบนั้นก็คงไม่ได้มีมาบ่อยๆ เขาบอกเราว่า งานที่ติดอันดับ คนยอมจ่ายหนักๆ ก็ต้องยกให้ "งานศพ" เพราะถือเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต คนจะยอมจ่ายเพื่อสร้างเกียรติยศให้กับผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งบริการของพวกเขามันเป็นการเสริมศักดิ์ศรีให้กับเจ้าภาพและผู้เสียชีวิต ฉะนั้นอยากได้อลังการสักแค่ไหน ก็สั่งได้ โดยอาจเนรมิตรสถานที่ใหม่หมดให้เต็มไปด้วยความหรูหรา อย่างโต๊ะหมู่ปิดทองอย่างดีชุดละหลายแสนบาท มีพิธีกรทีทำให้งานสง่างาม แขกของงานก็จะไม่เหงาเพราะจะมีปริศนาธรรมให้ฟังตลอด ที่สำคัญไม่แค่ความอลังการ แต่รูปแบบของงานก็ต้องถูกต้องตามพิธีกรรมอีกด้วย

"ลูกค้างานศพไม่เคยเจองานที่ต่ำกว่าแสนบาท ที่เขายอมจ่ายเงินขนาดนี้เพราะมันเป็นการแสดงความรักความอาลัยครั้งสุดท้าย ในสภาพบ้านเมืองเรา ความรักความกตัญญูที่มีต่อกันมันมีค่ามาก เวลาเราจัดงานบวชญาติอาจมาไม่ครบ แต่ถ้างานศพ ไม่ใช่ญาติก็มา เพราะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ในแง่ของธุรกิจโลกจะวิกฤติอย่างไรเราไม่กลัว ทำบุญวันเกิดคนอาจเลื่อน งานบวชเลื่อนได้ แต่ถ้ามีคนตายต้องทำทันที"

ไม่แค่ลูกค้าไฮโซ แต่บอกแล้วว่าพวกเขาพร้อมบริการทุกระดับ ถ้ามาแบบกระเป๋าเบา ก็แค่เอางบประมาณมา หน้าที่ของ "สังฆภัณฑ์" ก็คือการบริหารเม็ดเงินนั้น อย่างการตัดพวกอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออกไป เอาแค่หลักๆ เพื่อให้พิธีกรรมสามารถดำเนินไปได้

ธุรกิจไปได้ดี แต่อุดมการณ์ก็ต้องเดินหน้า "สกล" บอกว่าเรา สังฆภัณฑ์มีจุดยืนตั้งแต่ต้น ที่จะทำนุบำรุงพุทธศาสนา ดังนั้นเมื่อมีรายได้เข้ามา ก็ถึงเวลานำกลับคืนอุดมการณ์ ในรูปของโครงการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่างๆ อาทิการทำห้องปฏิบัติธรรม ที่พักสำหรับพระสงฆ์ ห้องพิธีอเนกประสงค์สำหรับจัดกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งเปิดมา 3 ปี พวกเขาทำบุญไปเป็นแล้วนับล้านบาท และยังคงทำเพิ่มขึ้นทุกปี
นั่นเพราะมองว่า สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจนี้อยู่รอดได้ ก็คือ "ศรัทธา" จากผู้คนเท่านั้น ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำไปในวันนี้จะทำให้ชนะศรัทธาของคนได้

ตลอด 3 ปี ของการตั้งต้นธุรกิจ ผู้บริหารกูรูงานบุญบอกเราว่า ที่นี่มีลูกค้าประจำและขาจรเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่าที่ยังอ่อนด้อยคือการทำตลาด ทำให้คนรู้จัก "สังฆภัณฑ์" เพียงกลุ่มหนึ่ง วิธีการที่พวกเขาทำ คือการออกโบรวชัวร์ที่ใส่ข้อมูลงานบุญ งานศพ แล้วไปแจกตามวัดที่มีการจัดงาน แนะนำตัวเองให้ขยายวงกว้างต่อไป

คนอยู่ในแวดวงยอมรับว่าธุรกิจนี้มีมูลค่ามหาศาล เรียกว่าประเมินค่ากันไม่ได้ เพราะยังมีตัวเลขของคนทำบุญอยู่ทุกวี่วัน แต่ใครที่คิดจะมาทำธุรกิจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ต้องมาด้วยใจบริสุทธ์ ถ้าหวังแต่จะกอบโกยผลประโยชน์ก็จะอยู่ได้ไม่นาน

"ทำธุรกิจนี้ต้องบริสุทธ์ใจ เรื่องบุญเรื่องกุศลมันเป็นเงินร้อน ถ้าเราเอาไปทำอะไรที่ไม่ดีมันก็จะหมดไป ฉะนั้นต้องมุ่งมั่นเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และมุ่งมั่นที่จะศึกษาเรียนรู้ เพราะลูกค้าทีเข้ามาเขาคาดหวังว่าเรารู้ทุกอย่าง อย่าคิดแต่จะขายของอย่างเดียวโดยที่ไม่รู้พิธีอะไรเลย ซึ่งการสร้างองค์ความรู้ถ้าไม่มุ่งมั่นก็ทำไม่ได้".....เป็นการต่อยอด "ศรัทธา" สู่ธุรกิจ 360 องศา ได้อย่างน่าสนใจ ดีซะจริงๆ พี่น้องชาวหัวหิน คิดเหมือนกันมั๊ย....

ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ
huahinhub Thanks

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น