5.05.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๒๖ (Capitalism Is Dying อวสานทุนนิยม)






h
h

เก็บมาฝากชาวหัวหินกัน..แบบไม่รู้จะป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาวหัวหินมั๊ย แต่เอาล่ะ huahinhub เชื่อว่า อ่านเอาเรื่องมา อ่านเอาเรื่องไป อย่างไรเสีย พี่น้องชาวหัวหิน ต้องได้อะไรดีดี จากการติดตามบาทความนี้ ไม่มากก็น้อย ทีเดียว ไปนะ ไปติดตามกัน...

ชายในสูทลายพรางเดินออกมาพร้อมลูกโลกในมือ เขาค่อยๆ ตบลูกโลกให้หมุนจากช้าไปหาเร็วไปพร้อมกับท่องบ่นคำว่า "เงินๆๆๆๆๆ กำไรๆๆๆๆๆ หมุนๆๆๆๆๆ เร็วๆๆๆๆ" เหมือนจะบอกว่าเพราะเงินที่ทำให้โลกนี้หมุน และหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามความโลภของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ไม่นานหลังจากนั้น ชายคนเดิมคว้าหมอนใหม่เอี่ยม 1 ใบออกมา เขาประกาศว่านี่คือ 'หมอนวิเศษ' ที่สามารถบันดาลทุกสิ่งที่หวังให้เป็นจริงเพียงแต่เขียนสิ่งที่ต้องการลงไป เขาส่งหมอนให้ผู้คนที่ยืนดูอยู่ช่วยกันเขียนความต้องการ ขณะที่เขาเดินวนไปรอบๆ

เมื่อความฝันทั้งหลายถูกเขียนลงไปบนหมอนเรียบร้อย เขาคว้าเชือกเส้นใหญ่หลายเส้นขึ้นมามัดหมอนและส่งปลายเชือกให้คนดูช่วยกันถือไว้ ก่อนจะส่งสัญญาณให้ทุกคนช่วยกันดึงเชือกสุดแรงเพื่อไขว่คว้าหาสิ่งต้องประสงค์ แน่นอนว่า หมอนวิเศษย่อมถูกเชือกรัดจนบี้แบนอยู่กลางวงและไม่อาจตอบสนองความฝันของใครได้เลย ว้าว....อืมม์.....นั่นคือการอธิบายอย่างคร่าวๆ ถึงรูปแบบศิลปะการแสดงสดในการเปิดนิทรรศการ 'Capitalism is Dying!' (ทุนนิยมกำลังจะตาย) โดย วสันต์ สิทธิเขตต์ การแสดงผลงานศิลปะครั้งล่าสุดที่ใช้เวลาทำงานเกือบสองปี

"ความคิดก็คือ ผมมองว่าระบบทุนนิยมได้ทำร้ายตัวเองมาตลอด อย่างกรณีถึงวิกฤติการเงินในสหรัฐอเมริกาก็กระเทือนไปทั้งโลกเป็นเพราะระบบเงินต่อเงิน เราเอาเงินไปฝากธนาคาร 1,000 บาท เงินก็อยู่ในธนาคาร 1,000 บาท พอมีคนไปกู้เงินก็แตกออกมาเป็นอีก 1,000 บาท ก็จะมีคนเป็นหนี้ธนาคารต้องหาเงินมาส่งดอกเบี้ย คนเอาเงินไปลงทุนทำธุรกิจหาประโยชน์จากธรรมชาติแบบไร้สติ นี่คือความโลภของมนุษย์ในระบบทุน การประเมินคุณค่าในสังคมก็เปลี่ยนไปด้วย กลายเป็นว่าทำกำไรมากคือความดี ใครมีเงินคนอื่นก็ยอมรับนับถือโดยไม่รู้ว่าเอาเงินมาจากไหน" วสันต์ อธิบาย

ผลงานในนิทรรศการ 'Capitalism is Dying!' ครั้งนี้ ยังสะท้อนถึงผู้คนที่ถูกกระทำจากระบบทุน รวมถึงสิ่งที่เรียกว่า 'การค้าเสรี' ซึ่งวสันต์มองว่าแท้จริงแล้วไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียม และกำลังกลืนกินโลกอยู่ในปัจจุบัน

แนวคิดดังกล่าวสะท้อนผ่านผลงานจิตรกรรมอย่าง 'Stimulate the Economy' ที่เขาวิพากษ์การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการพึ่งพาการบริโภคแบบไม่ยั้งคิด รวมถึงการล่อลวงให้คนเสพและสะสมวัตถุต่างๆ เพื่อแสดงถึงสถานะในสังคม จนตกอยู่ในวังวนของการบริโภคเกินตัว

ขณะที่ผลงานอีกชิ้น 'Profit is Evil' หรือ 'กำไรคือความชั่ว' เป็นผลงานที่วสันต์หยิบยกคำสอนในหลายศาสนาที่เชื่อว่าการเอารัดเอาเปรียบ การกอบโกยกำไร เป็นต้นตอของความชั่วร้ายและหายนะของเราทุกคน สะท้อนผ่าน

สัญลักษณ์ของคนที่กำลังเป่าฟองสบู่เพื่อล่อลวงคนอื่นๆ ให้หลงถลำสู่วังวนของการเป็นหนี้ รวมถึงสัญลักษณ์ของเปลวไฟที่แทนความเร่าร้อนของระบบการบริโภคเกินจำเป็นที่กำลังเผาผลาญทุกคน

ส่วน 'Corporate Greed' วสันต์นำเสนอภาพอำนาจของบรรษัทข้ามชาติที่แทนความหมายด้วยยักษ์ใน 'สูทลายพราง' ซึ่งสะท้อนภาพการควบรวมระหว่างอำนาจ 'เงิน' กับ 'ปืน' กำลังกลืนกินมนุษย์ที่เปลือยเปล่าที่เป็นตัวแทนของคนที่ไม่เหลืออะไรแล้วในชีวิต

หลังจากวิพากษ์วิจารณ์ระบอบทุนจนแทบจะเรียกว่าหมดหวังในชีวิต วสันต์เสนอทางออกเล็กๆ ไว้ในผลงานอย่าง 'All for Everyone' ที่สะท้อนทั้งภาพและเสียงของฮูโก ชาเวซ ประธานาธิบดีแห่งเวเนซูเอลา เจ้าของแนวคิดของการแสวงหาสังคมที่เท่าเทียม หรือผลงาน 'Ya Basta!' ซึ่งได้แนวคิดมาจากการต่อสู้กับระบอบทุนนิยมของกลุ่มซาปาติสตาในประเทศเมกซิโก

ไม่เพียงผลงานจิตรกรรม นิทรรศการครั้งนี้ยังนำเสนอผลงานวิดีโอ อาร์ต 'In God we Suck' ที่นำแสดงโดยวสันต์เอง เพื่อสะท้อนถึงแนวคิดของศิลปินต่อพฤติกรรมการรุกรานทางเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจ

สตีเวน เพตติโฟ ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการครั้งนี้ระบุว่า วสันต์เป็นศิลปินไทยคนแรกๆ ที่เขารู้จักตั้งแต่แรกมาถึงเมืองไทยเมื่อประมาณ 15 ปีก่อน ผลงานของวสันต์มีความน่าสนใจเพราะในช่วงเวลานั้นยังยากที่จะหาศิลปินไทยคนอื่นที่ทำงานศิลปะสะท้อนการเมือง โดยเฉพาะผลงานที่แสดงออกอย่างยั่วยวนให้เกิดการคิดต่อหรือแม้แต่โต้แย้ง

"ผมติดตามผลงานของวสันต์มาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับวสันต์ นิทรรศการนี้เป็นการต่อเนื่องแนวทางการทำงานศิลปะที่วสันต์ได้ทำมาตลอดระยะเวลานานกว่า 20 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ไทยกำลังเผชิญวิกฤติทางการเมืองอย่างนี้ ผมคิดว่าดีที่ได้เห็นการแสดงออกถึงการสนใจปัญหาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ดีที่ได้เห็นว่ามีศิลปินที่ไม่กลัวที่จะพูดถึงประเด็นนี้"

ผลงานในนิทรรศการครั้งนี้โดยรวมพูดถึงความหายนะของมนุษยชาติทั้งมวล ซึ่งวสันต์มองว่าเกิดจากระบบทุนนิยมสามานย์ที่ลวงล่อให้มนุษย์ถูกกระทำซ้ำซาก ลวงหลอกให้ทุกคนบริโภคแบบเดียวกัน รวมไปถึง 'ฝัน' ถึงการเสพสมกับการสะสมวัตถุแบบเดียวกัน จนกระทั่งมีชีวิตอยู่เพื่อการไขว่คว้าหาเงินมาตอบสนองความโลภที่ไม่มีจุดสิ้นสุดเท่านั้นเอง

"ผมเขียนภาพสะท้อนถึงวิกฤติของโลก เขียนถึงการขายธรรมชาติ หายนะในระบบทุนที่เน้นการหาเงิน การเก็งกำไรซ้ำซ้อน การแสวงหาวัตถุ ทุกคนต้องยอมจำนนต่อระบบ จนในที่สุดเราทุกคนก็กำลังถูกกลืนกิน สุดท้ายแล้วคนเราก็มีชีวิตอยู่เพื่อ 'ใช้หนี้' เท่านั้น ไม่เหลืออะไรแล้ว"


.....................
นิทรรศการ 'Capitalism is Dying!' โดย
วสันต์ สิทธิเขตต์ จัดแสดงจนถึง 17 พฤษภาคม ณ ทวิบู แกลเลอรี ชั้น 3 สีลมแกลเลอเรีย ใกล้สถานี BTS สุรศักดิ์ สอบถามโทร.0-2266-5454 หรือดู www.thavibu.com

ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ huahinhub Thanks

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น