6.14.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๑๑๘ (ซันนี่ ...behind the scene)




เข้าถึงยาก ให้สัมภาษณ์ไม่รู้เรื่อง กวนประสาท มาดเซอร์ ติสท์ และปากแข็งเรื่องรัก
o
นี่คือคำจำกัดความสั้นๆ ของผู้ชายที่ชื่อ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” พระเอกที่โด่งดังจากหนัง "เพื่อนสนิท" ที่เราคุ้นเคย
ผู้ชายที่ไร้ศาสนา ไร้รัก และไร้มารยาในการสัมภาษณ์ ยังมีเบื้องลึก ภูมิหลังในชีวิตอีกหลายมุมที่น่าสนใจ หลังฉากที่น่าค้นหา ตัวตนและความจริงจากผู้ชายคนนี้ที่คุณอาจไม่เคยรู้และสัมผัส และแน่นอนว่าไม่ใช่พระเอกในแบบที่คุณคิดไว้อย่างแน่นอน
0
พระเอกมาดเซอร์ขวัญใจสาวๆ “ซันนี่ ซี สุวรรณเมธานนท์” ชื่อจริงตามบัตรประชาชนของหนุ่มลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส วัย 28 ปีคนนี้ ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว และไม่ต้องลีลากับการดูคำถามใดๆ และดูเหมือนจะพร้อมกับการพูดคุยครั้งนี้ นอกจากซิตคอมเนื้อคู่ประตูถัดไป และพิธีกรนอกกรอบ หนึ่งวันเดียวกัน เราอดแซวไม่ได้ถึงโฆษณายาสีฟันยี่ห้อหนึ่งที่เจ้าตัวรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ ที่กำลังออกอากาศ "ผมทั้งฟันเหยินทั้งเหลืองน่ะครับ เขาก็กรุณาผม ซึ่งผมงงนะ ผมก็บอกเขานะว่าผมเหยินนะ เขาก็บอกอยากให้คนรุ่นใหม่มาใช้ ซึ่งไม่ใช่เด็กมาก”
o
ซันนี่เอ่ยถึงงานล่าสุดที่รับไปไม่นานแบบอารมณ์ดี ในชุดเสื้อยืดคอวีที่ซื้อใหม่ไม่ได้ซัก และกางเกงขาลีบ รองเท้าผ้าใบที่เราคุ้นชิน ก่อนที่เจ้าตัวจะอธิบายถึงการรับงานในชีวิตว่าหลายคนอาจตำหนิว่าเรื่องมาก แต่แท้ที่จริงแล้วเขาบอกว่า ถ้าหากจะทำงานเพื่อเงินแล้วไม่ชอบ ก็คงไม่ใช่แนวทางของตน "ถ้าผมได้ทำสิ่งที่ชอบ ผมถึงจะทำ ถ้าไม่ตายเงินก็หาได้ ถ้าพูดถึงว่าจะทำเพื่อเงินนะ ซิตคอมถือว่าผมชอบ ชอบในเรื่องการแสดง ผมเชื่อในผู้กำกับคือเป็นแอ็กติ้งโค้ชในสายลับจับบ้านเล็ก เขาเชื่อใจในการแสดง ละครยาวๆ ศาสตร์มันคนละอย่าง ไม่ใช่เรื่องมาก ไม่ได้เก๊ก แต่อ่านบทแล้วมันยังไม่อยากทำแบบนี้ ไม่ใช่เขาไม่ดี แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากทำ"
o
ชีวิตที่ดูคิดอิสระ จนทำให้มองว่าเข้าถึงยาก แต่ซันนี่บอกว่าเขาคือคนปกติ และมีชีวิตที่ปกติ แม้ว่าเขาจะเป็นลูกท้องนอกมดลูกก็ตาม "คำว่าโลกส่วนตัวเยอะผมก็ไม่รู้มันคืออะไร ติสท์ผมก็อยากรู้ แต่บ้านผมอาจจะมีฟอร์มกับแม่บ้าง เกิดมาแม่เขาก็เกือบตายแล้ว ไม่รู้ว่านี่ผมเกิดมา ผมครบหรือเปล่านะ (ยิ้ม) ผมเป็นลูกที่ท้องนอกมดลูก เขาคงไม่อยากให้เกิดมามั้งครับ (หัวเราะ) แม่บอกกับผมว่าเขาไม่ได้กะจะมี ก็กินยาคุมกำเนิดตลอดเวลา เขาก็มารู้ตอนท้ายว่าท้อง เขาก็กลัวจะพิการ นี่ผมก็ไม่รู้ว่าผมพิการหรือเปล่า อาจจะต๊องก็ได้นะ"
o
ซันนี่เล่าถึงชีวิตลูกคนเล็ก ที่อายุห่างจากพี่สาวและพี่ชาย และกลายเป็นลูกคนเล็กที่มีกำเนิดผิดจากคนอื่น ซันนี่บอกกับเราว่าที่บ้านแม้จะมีฟอร์มใส่กัน แต่แม่เชื่อในจิตสำนึกที่ดีที่ตนเองมี เขาจึงแลกความสุขของแม่ด้วยการเรียนให้จบ และบอกกับเราเต็มปากเต็มคำว่า เรียนเพื่อไม่ให้แม่อายข้างบ้าน "เรื่องเรียนแม่เขาจะรู้ว่าลูกเขาอย่างไร เขาไม่ได้กำหนดว่าต้องเรียนสูงๆ นะ แต่เรียนเพื่อความรู้ ผมเรียนนิเทศฯ เอแบค ไม่ใช่ว่าเดิมสนใจมาก่อนครับ แต่ผมเรียนเพราะว่าเรียนให้มีความรู้ จบปริญญาตรีเพราะไม่อยากให้แม่อายข้างบ้าน พี่สาวก็คนละทางกับผมเลย เขาจะมีการทำแบบแบบแผน คนกลางพี่ไมเคิลก็กึ่งกลาง แม่ห่วงทุกคนแต่ไม่หวังกับผม"
o
ชีวิตดำเนินไปในรั้วมหาวิทยาลัยช้ากว่าปกติ เพราะครอบครัวเจอปัญหาล้มละลาย นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้ซันนี่มีโอกาสได้เล่นกีตาร์กับเพื่อน เพื่อส่งเสียตัวเองเรียน และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาไม่หวังพึ่งใคร แม้แต่ศาสนาที่เคยนับถือ "เรียนช้านี่เพราะไม่มีตังค์เรียนบ้านล้มละลาย บางทีเรียนครึ่งเทอมแล้วไม่มีจ่าย อาจารย์บางคนให้ก็ได้สอบ บางคนไม่ให้ก็ต้องดร็อป สุดท้ายผมได้ไปเล่นดนตรี กับเพื่อนช่วงนั้นก็ได้เยอะน่ะครับเป็นวงไป ปีหนึ่งหลังจากบ้านแย่ก็โอเคขึ้น"
o
“ผมเลยไม่เชื่อเรื่องศาสนา ศาสนามีมาตั้งแต่เกิดเราสามารถจะเลือกแบบไหนก็ได้ ผมมั่นใจว่าจิตสำนึกผมดีก็คงเพียงพอแล้ว ผมเชื่อในความดี เครียดก็ปรึกษาตัวเอง ผมจะไม่ค่อยยื่นมือให้ใครช่วยถ้าไม่แย่จริงๆ บุญผมทำครับ แต่ผมไม่มีศาสนา เคยมีแต่เสียศรัทธา บุญทำนะ แต่เวลาทำไม่ได้คิดว่าบุญกรรมจะต้องกลับมา" เชื่อว่าตัวเองดี? " จะด่าผมก็ด่าไปเถอะ จะด่าอะไรก็ด่าได้ แต่อย่ามาด่าว่าผมทำเลว มาด่าผมว่าชั่ว ผมจะถือว่าดูถูกกัน อย่าเอาความคิดและจิตสำนึกที่ดีไปจากผม จริงๆผมก็เป็นคนนิสัยเสีย ชอบกวนตีนฮะ ชอบกวนตีนคนที่มันสะเหร่อ ถ้าไอ้นั่นมันชอบทำตัวแย่ๆ ตัวเองเลวแล้วยังมีหน้ามาทำสะเหร่อ ผมไม่ชอบคนโกงประเทศชาติ คนแบบนี้สะเหร่อ"
o
เห็นมาดเซอร์แบบนี้ ซันนี่พูดถึงเรื่องการเมืองไม่แพ้คนอื่น แต่การสนใจของเขา คือไม่เอามาเครียดในชีวิต "ผมไม่เชื่อว่าใครจะมาทำแต่งานเพื่อประเทศ มันคงมีบ้างแต่ว่าบ้านเราผมไม่เชื่อ เวลาเลือกตั้งไม่อยากออกไปนะ เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าไอ้พวกนี้ต้องได้ คนส่วนใหญ่ที่คิดว่าคนคนนี้ดี ผมไม่ได้บอกว่าคนส่วนใหญ่คิดแล้วจะถูก คนส่วนใหญ่อาจจะควายกว่าครึ่งก็ได้ มันไม่ได้วัดอะไร ผมจะมองว่าเรื่องการเมืองว่าคุยได้นะ แต่ไม่เอามาทะเลาะ ใครทะเลาะนี่สะเหร่อ อุดมการณ์ก็ไม่ใช่แล้ว ประชาธิปไตยแย่งอำนาจจากกษัตริย์ตัวเองก็ไม่ใช่นะครับ คนบางคนเห็นว่าประเทศอื่นเขามี ก็อยากมี แต่มันก็เสรีครับ แต่แล้วไงล่ะครับ ประชากรยังไม่พร้อมหลายๆอย่าง"
o
ทางออกการเมืองมีมั้ย? "สิ่งที่เขา (รัฐบาล) ทำอยู่พยายามประนีประนอม ที่เขาทำอยู่ก็ดีนะครับ ทุกอย่างก็อยากช่วยกันแก้ปัญหา ผมไม่ค่อยได้สนใจ บางทีผมก็งงว่าคนเครียดเรื่องการเมืองทำไม เราก็ทำอาชีพของเราไปให้ดีที่สุด" พอถามเรื่องการเมืองเจ้าตัวตอบชัดถ้อยชัดคำ พอซัดเข้าเรื่องความรักเจ้าตัวตอบทันทีว่าโสดและไม่เชื่อในรัก ... "ผมไม่เชื่อในความรัก ผมไม่เชื่อว่า จะมีใครรักเรา สนใจเราดูแลเราจริงๆ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ ผมไม่เคยปากแข็ง แต่บางครั้งการที่เราพูดอะไรไปเป็น 10 ครั้งแล้วคนไม่เชื่อเพราะเขามีสิ่งที่เขาคิดไว้อยู่แล้ว อันนี้ก็ช่วยไม่ได้ ผมคงไม่พร้อมแต่งงานเพราะอาจไม่ใช่คนที่เทกแคร์ใคร ถ้าจะเอาคนเทกแคร์ไม่มีที่ผม (หัวเราะ) คิดแบบนี้มั้งครับถึงหนีกันไปหมดเลย"
o
"ผมเซนสิทีฟเรื่องพ่อแม่และครอบครัว ร้องไห้นะ กับเรื่องที่แบบผิดหวังหรือคาดไม่ถึง ถ้ายิ่งเรื่องครอบครัวเสียงจะสั่นเครือเลย แต่ไม่ใช่คนอกหักแล้วมานั่งเมาหัวราน้ำ ผมไม่ใช่เด็ก ถ้ากินเหล้าคือสนุกครับ” ส่วนของสะสมของซันนี่ เจ้าตัวบอกว่าหนีไม่พ้นหนังและการ์ตูนที่ซื้อไว้เยอะจนต้องกลายเป็นของสะสมไปโดยปริยาย ส่วนเวลาว่างของเขาก็กำลังเห่อเล่นมุกและเล่นเกมในเฟสบุ๊กที่เพื่อนเพิ่งสมัครให้ และหนุ่มคนนี้บอกกับเราว่าชีวิตเขาไม่เคยสิ้นเปลืองไปกับของหรูหรา “ผมใช้เงินเดือนหนึ่งไม่เยอะครับ ของที่ใหญ่ที่สุดที่ซื้อก็คงแอร์มั้งครับ 2 หมื่น รถไม่ซื้อครับ มันไม่จำเป็นสำหรับชีวิตผม แห่กันใช้ทั่วเมือง จริงๆขับไม่เป็นด้วย (ยิ้ม) ทำเก๊กไปแบบนั้นล่ะ คือผมใช้รถไฟฟ้าได้ นั่งแท็กซี่ได้ มันแค่ค่านิยมครับ บางคนก็ต้องใช้จริงๆ ก็ไม่ว่ากัน บางคนมีไว้รับแฟนอย่างเดียว เท่ห์ๆ แล้วแต่ความต้องการ ผมก็ไม่รู้จะซื้อไปทำไม พ่อมีก็พอแล้ว”
o
ก่อนที่เขาจะทิ้งท้ายกับเราว่า ในมุมที่หลายคนมองเขาว่าเป็นคนแบบไหนก็ตาม แต่เขาคือคนเฮฮาคนหนึ่งที่อาจพูดตรงและมีฟอร์มแต่รักครอบครัว "ผมจะพูดเองว่าผมเป็นคนตลก ก็เขิน จริงๆ เป็นคนเฮฮานะ ถ้าจะด่าว่าโง่ด่าอะไรด่าได้ แต่อย่าด่าว่าไม่ตลก ผมถือว่าดูถูกกัน (หัวเราะ) กับครอบครัวฟอร์มเยอะบ้าง แต่บางสิ่งบางอย่างผมอยากให้เขาเข้าใจนะ ผมพูดตรง ๆ บางครั้งเลยพูดแรงไปบ้าง แต่ให้รู้ว่าเรารักกัน กับแม่เถียงกันทุกวัน เขาบอกอยากเอาขี้เถ้ายัดปาก (ยิ้ม) " ซันนี่ทิ้งท้ายกับเราแบบนั้น และยอมรับว่าแม่คือบุคคลที่ทะเลาะกันเสมอ แต่คือคนที่เขาเองกอดก่อนออกจากบ้านเช่นกัน
o
คนดีในมุมมองของ "ซันนี่" “คนดี คือคนทำอะไรเพื่อคนอื่นมั้งครับ คือไม่ใช่ว่าทำอะไรไม่ผิดคือคนดีนะ ก็แค่คนปกติที่ไม่ได้ทำเลว ผมเคยดูทีวีคุณครูมาเล่นดนตรี 5-6 ชิ้น ทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กในหมู่บ้านได้ใช้ ลองเคยคิดมั้ยว่าถ้าคนแบบนี้ได้เข้าไปอยู่ในสภาจะดีมั้ย พวกนั้นเดินใส่สูท ให้คนเรียกว่าท่าน ทั้งที่คนพวกนั้นมันโกงเรียกท่านทำไม บางคนชอบว่าผมพูดไม่รู้เรื่อง ตอบไม่ตรงคำถาม ที่พวกมันตอบ วกไปวนมาไม่ไปด่ามันบ้างล่ะ กวนตีนกว่าผมอีก"...คนดีในมุมมองของซันนี่
o
แตกต่าง แต่ไม่จำเป็นต้องแตกแยก แค่นี้ สังคมก็สงลสุขแล้วล่ะ ชาวหัวหินว่ามั๊ย...?
o
ขอบคุณข้อมูลจากผู้จัดการออนไลน์ ภาพโดย ศิวกร เสนสอน
huahinhu bThanks
o

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น