6.09.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๑๑๒ (ผู้นำที่แท้ คือผู้สร้างผู้นำ)




o
o
o
o
o
oo
วิภาวี คอมันตร์
Lifestyle Mall งานไม่ง่ายแต่ทำด้วยใจรัก
o
ช่วงนี้กระแสมินิกำลังมาแรง ไม่ว่าใครต่อใครต่างก็หันมาให้ความสนใจอะไรที่มีขนาดเล็กๆ ด้วยกันทั้งนั้น เพราะย่อมให้ความสะดวกที่มากกว่า ไม่เว้นแม้แต่แหล่งช้อปปิ้งอย่างห้างสรรพสินค้า ก็หันมาแข่งกันย่อขนาดให้เล็กลง แทนที่จะทุ่มทุนสร้างให้ใหญ่อลังการเหมือนอย่างเคย เมื่อเทรนด์ใหม่กำลังมาแรงอย่างนี้ มีหรือที่เซเลบสาวหัวใจนักบริหารอย่าง คุณวิภาวี คอมันตร์ จะไม่คว้าโอกาสเอาไว้ เธอจึงตัดสินใจเปิด Community Mall แห่งใหม่ย่านบางนา-สุวรรณภูมิ ภายใต้ชื่อ B Boulevard Lifestyle Mall ขึ้นบนพื้นที่เปล่าของครอบครัว แม้ว่าโปรเจ็กต์ในครั้งนี้ถือเป็นงานบริหารครั้งแรกในชีวิตของเธอแต่ก็เรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวกันเลยทีเดียว กว่าจะเป็นแหล่งช้อปปิ้งสำเร็จสมบูรณ์เช่นนี้ เธอผ่านประสบการณ์และอุปสรรคมาอย่างไร เรามาร่วมสัมผัสกับอีกมุมหนึ่งของเธอจากมุมมองและแนวคิด รับรองน่าสนใจไม่แพ้ความสวยของเธออย่างแน่นอน

เหตุผลที่ตัดสินใจมาทำห้างสไตล์ Community Mall
ตอนนี้กระแส Community Mall มาแรงมาก เพราะคนสมัยนี้รู้สึกว่ามันยากลำบากที่จะเดินทางเข้าไปใช้บริการในห้างใหญ่ๆ เพราะต้องฝ่ารถติดเข้าไป ฉะนั้น Community Mall ลักษณะนี้เลยเกิดขึ้นเยอะ แล้วพอดีทางบ้านของโมนาก็มีที่อยู่แถวๆ นี้ด้วย ประกอบกับตอนนี้ความเจริญก็ออกมาถึงชานเมืองแล้ว หลังจากที่มีสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมา หมู่บ้านต่างๆ ก็ขึ้นตาม เราเลยทำตรงนี้ขึ้นเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการในการใช้ชีวิตประจำวันของคนในย่านนี้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลเข้าไปใช้บริการในเมือง ตรงนี้มันก็
เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใกล้บ้าน เพราะไปมาสะดวก และ B Boulevard ก็ถือว่าเป็นศูนย์การค้าชุมชนแห่งแรกของที่นี่ด้วย

เจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหนบ้าง
ก็เจาะกลุ่มคนในหมู่บ้านรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร คือแถวนี้จะมีหมู่บ้านเยอะ และเป็นครอบครัวใหม่ มีเด็กอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กประถมฯ และที่นี่ก็มีนิคมอุตสาหกรรมเยอะด้วย มีถึง 4 นิคมด้วยกันคือ บางปู ลาดกระบัง อัญธานี และบางพลี นอกจากนั้นยังรวมไปถึงเจ้าของกิจการหรือผู้จัดการโรงงานที่อยู่บริเวณนี้ด้วย โดยส่วนมากโรงงานแถวนี้จะมีเจ้าของกิจการเป็นชาวไต้หวัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราเหมือนกัน

สิ่งไหนของศูนย์การค้าชุมชนแห่งนี้ที่ถือเป็นแม่เหล็กดูดให้คนแวะเข้ามา
คือต้องบอกก่อนว่าข้อจำกัดของที่นี่คือมีเนื้อที่น้อย เราก็เลยพยายามทำให้เกิดความหลากหลายให้มากที่สุดและจะเน้นในเรื่องของบริการ ซึ่งที่นี่จะมีทั้งหมด 3 โซน ข้างหน้าจะเป็นร้านอาหารทั้งหมด ข้างบนชั้น 2 เป็นโซนโรงเรียน แล้วข้างล่างก็จะเป็นพวกบริการและร้านค้าต่างๆ ที่ตอบสนองชีวิตประจำวัน อย่างร้านเสริมสวยและร้านนวด นอกจากนี้ยังมีร้านขายของเด็กด้วย เพราะเรามองว่าผู้ปกครองจะต้องมาส่งลูกเรียน ระหว่างที่ลูกกำลังเรียนเขาอาจจะไปทานข้าวหรืออาจจะไปใช้บริการอย่างอื่นได้ แต่สิ่งที่ B Boulevard ไม่มี คือซูเปอร์เซ็นเตอร์ เพราะเดินไปทางด้านหลังห้างแค่ 150 เมตร ก็ถึงเทสโก้โลตัสแล้ว เราเลยพยายามที่จะฉีกแนวให้บริการอะไรซึ่งแหล่งใกล้เคียงไม่มีจะดีกว่า ซึ่งนั่นก็คือโรงเรียนและร้านค้าบริการระดับพรีเมียมที่ให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

B Boulevard เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นานและยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก คุณวิภาวีมีวิธีจัดการกับปัญหาตรงนี้อย่างไรบ้าง
เราก็พยายามเน้นในเรื่องกิจกรรมที่สามารถทำกับชุมชนได้ อย่างเช่น การประกวดเด็ก คือเรามีโรงเรียนอยู่แล้ว ก็จะไปเชิญโรงเรียนที่อยู่ในละแวกนี้มาแสดงกิจกรรมหรือมาร่วมกิจกรรมกับเราด้วย พยายามดึงให้คนเข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการมากที่สุด จะได้ถือเป็นการโปรโมตไปในตัว ส่วนในอนาคตก็มองๆ อยู่ว่าอาจจะไปดึงเด็กมหาวิทยาลัยเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพราะว่าในละแวกนี้จะมีมหาวิทยาลัยอยู่ 2 แห่ง คือหัวเฉียว และเอแบค ก็คงจะจัดการประกวดอะไรขึ้นสักอย่างหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการวางแผน

หากเทียบกับห้างใหญ่ๆ Community Mall แบบนี้ได้เปรียบและเสียเปรียบต่างกันอย่างไร
ถ้าพูดถึงขนาด ศูนย์การค้าชุมชนอาจจะเล็กกว่าก็จริง แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของความสะดวก โมนาคิดว่าศูนย์การค้าชุมชนน่าจะสะดวกมากกว่า คืออย่างที่บอกว่ามันเป็นศูนย์การค้าชุมชนที่อยู่ใกล้บ้าน เพราะฉะนั้นบ้านที่อยู่ในรัศมี 500 เมตร หรือ 1 กิโลเมตร ก็สามารถเข้ามาใช้บริการในนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปใช้บริการตามห้างใหญ่ๆ เพราะกว่าจะเดินทางไปถึงรถก็ติด หรือบางทีเข้าไปแล้วไม่มีที่จอดรถก็มี

มีความคาดหวังกับโปรเจ็กต์นี้มากน้อยแค่ไหน
คาดหวังมั้ย คือเราทำ เราก็หวังว่าจะประสบความสำเร็จ แต่ก่อนที่จะประสบความสำเร็จมันคงต้องมีปัญหาอะไรในระหว่างทาง และเรื่องของเวลาด้วย ศูนย์การค้าลักษณะแบบนี้ ก่อนที่จะทำให้คนอื่นยอมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าใหม่ที่ยังไม่มีชื่อติดตลาดมาก่อน มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะทำให้ทุกคนรู้จัก ต้องพยายามตอกย้ำให้ผู้บริโภครู้ว่าเรามีบริการอะไร แล้วของเราดีอย่างไร เรื่อง Brand Awareness เนี่ยสำคัญมาก ลูกค้าหลายคนเขาก็จะไม่เชื่อถือ จนกว่าจะได้ลองสัมผัสหลายๆ ครั้ง ปากต่อปาก เลยต้องใช้เวลาในการสร้างฐานลูกค้าและความเชื่อถือพอสมควร

สไตล์การทำงานของคุณวิภาวีเป็นแบบไหน
จะทำอย่างเต็มที่ แต่ตรงนี้มันไม่ได้การันตีว่าผลออกมาจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เราก็มองว่าโอเคที่ผ่านมาทุกวันๆ มันมีปัญหาเข้ามาเรื่อย คือทุกอย่างไม่ได้ราบเรียบเสมอไป ถ้าวันหนึ่งเกิดมีอะไรที่ไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้นมาหรือไม่ได้ออกมาอย่างที่เราคิด เราก็จะมีช่องว่างที่เหมือนกับว่าเราเตรียมตรงนั้นไว้แล้ว ถ้าเราล้มจริงๆ ก็ล้มได้ แต่ไม่ได้ล้มจนกระทั่งลุกขึ้นมาใหม่ไม่ได้ ต้องเตรียมแผน 2 ไว้รองรับ

แล้วมีเทรนเนอร์ส่วนตัวมั้ย
มีโค้ชอยู่ค่ะ เป็นพ่อบุญธรรมของโมนาเอง เป็นคนอเมริกัน แต่เชื้อสายพม่า ท่านเป็นนักธุรกิจทำมาหลายอย่างแล้ว

ท่านเผยเคล็ดลับในการดำเนินธุรกิจให้กับคุณอย่างไรบ้าง
ท่านเคยสอนไว้ว่า ‘Always keep your promises’ คือรับปากอะไรกับใครไว้ก็ต้องทำตามสัญญาเพราะว่ามันจะมีความน่าเชื่อถือ การทำธุรกิจ ความเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าไม่มีก็ลำบากค่ะ อีกอันก็คือ ‘Under promise and over delivery’ คือสมมุติว่างานที่เรารับมาจะทำเสร็จภายใน 3 วัน แต่ถ้าเราบอกลูกค้าไปว่าใช้เวลา 5 วัน แต่เราทำเสร็จก่อนและเอาไปให้ลูกค้าประมาณวันที่ 3 คนที่มารับงานก็จะเกิดความประทับใจ แต่ในทางตรงข้ามถ้าเราบอกว่าเสร็จ 3 วัน แต่เผอิญเราเสร็จช้ากว่านั้น มันก็จะเสียชื่อเรา แล้วก็อย่ารับปากในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ ซึ่งสำคัญมากสำหรับการทำธุรกิจ
o
ความสำเร็จของคนคนหนึ่ง สามารถเรียนรู้ได้ เพียงเปิดตาและเปิดใจ ...ผู้นำที่แท้จริง ย่อมต้องเป็นผู้นำที่สร้างผู้นำ มิใช่เพียงสร้างแต่ผู้ตาม ... กรณีคุณวิภาวีและคุณพ่อบุญธรรม จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเราได้ แค่เพียง ชาวหัวหินเปิดตา เปิดใจ..สวัสดี
o
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.247freemag.com
huahinhub Thanks
o

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น