6.15.2552

| เชื่อมโยงธุรกิจ ๒๒ (ชุดหนีตายแบบพกพา)





o
o
o
o
o
o
o
o
o
o
o
o
o
o
o
o
o
URGENT FIRE-PAK ชุดอุ้มชีวิตฝ่าพายุเพลิง นวัตกรรมหนีตายแบบพกพา

ภาพผู้คนล้มตายจากเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับเมื่อคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา สร้างความเศร้าสะเทือนใจ พร้อมเป็นบทเรียนราคาแพงให้ทุกฝ่ายต้องหันกลับมาล้อมคอกรับมือเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ผ่านมา คนไทยใส่ใจรักษาความปลอดภัยของชีวิตจากอัคคีภัยในระดับต่ำ อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ติดตั้งไว้ส่วนใหญ่แค่เอาหน้ารอดจากข้อกฎหมาย ไม่ได้เกิดจากจิตสำนึกเตรียมพร้อมจะช่วยเหลือชีวิตผู้คนได้อย่างแท้จริง
o
แต่สำหรับ “ลำเพาพรรณ ลีรพันธุ์” และ “นพมาศศิริ ดำรัสธรรม” ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวมายาวนาน จึงคิดค้น
URGENT FIRE-PAK ชุดอุปกรณ์ช่วยชีวิตส่วนบุคคลยามตกอยู่ในเหตุเพลิงไหม้ มากว่า 5 ปีแล้ว ถือเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย โดยแรงบันดาลใจเกิดจากจิตสำนึกที่บอกตัวเองตลอดมาว่า ชีวิตมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด หากสูญเสียไป ไม่มีอะไรทดแทนได้ “จุดเริ่มต้นมาจากเหตุการณ์ 911 มีข่าวคนติดอยู่ในซากตึก แล้วพยายามโทรศัพท์ออกมาหาแม่ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันได้พูด ก็หมดสติไปก่อนเพราะขาดอากาศหายใจ เนื่องจากสำลักควัน หากเขามีเวลาอีกแค่ 2-3 นาที ก็จะรอดชีวิตแล้ว ประกอบกับเวลานั้น พบอุปกรณ์ต้นแบบช่วยชีวิตจากไฟไหม้ของวิศวกรไทยท่านหนึ่ง จึงเกิดความสนใจนำมาต่อยอด เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะช่วยชีวิตคนได้อีกมหาศาล” นพมาศศิริ เผย

อย่างไรก็ตาม ชุดต้นแบบดังกล่าว คุณสมบัติยังไม่เหมาะกับการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบ และมาตรฐานวัสดุอุปกรณ์ ดังนั้น ได้วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง ศึกษาจากตำราวิชาการในและต่างประเทศ อีกทั้ง ได้รับการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) นอกจากนั้น จำลองเหตุการณ์เพื่อทดสอบการทำงานจริง กว่าจะได้ชุดที่สมบูรณ์แบบใช้เวลามากกว่า 3 ปี กับงบประมาณกว่าล้านบาท โดยจดเป็นสิทธิบัตรไว้แล้ว

ลำเพาพรรณ เล่าว่า อุปกรณ์แก้ปัญหาอัคคีภัยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แทบทั้งหมดใช้เพื่อดับไฟที่กำลังไหม้อาคารหรือสถานที่ ไม่ได้ช่วยให้คนหนีรอดออกมาได้ ขณะที่มากกว่า 95% ของผู้เสียชีวิตจากอัคคีภัยมาจากการสำลักควันก่อนความช่วยเหลือจะมาถึง จากการวิจัยระบุชัดว่า ช่วงเวลาวิกฤตที่สุดของเหตุเพลิงไหม้จะอยู่ระหว่าง 5-10 นาที ถ้าไม่สามารถพาตัวเองออกจากช่วงเวลานี้ไปได้ 70% จะเสียชีวิต ดังนั้น ชุดอุปกรณ์ URGENT FIRE-PAK เน้นให้ผู้ประสบเหตุสามารถพาตัวเองออกมาให้รอดจากจุดที่วิกฤตที่สุดให้ได้ด้วยตัวเอง ผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบเป็นชุดสำเร็จรูป ประกอบด้วยหมวกครอบศีรษะที่ทำจากพลาสติกชนิดพอลิโพรไพลีน(polypropylene) ปราศจากสารพิษ ทนความร้อนได้กว่า 160 องศาเซลเซียส สามารถปกป้องอวัยวะตา หู จมูก ปากจากควันไฟได้
o
ส่วนด้านหน้าหมวกเชื่อมต่อกับวาล์วและท่อนำอากาศ ซึ่งสายจะเชื่อมจากกระป๋องบรรจุอากาศบริสุทธิ์ สามารถปล่อยให้อากาศไหลออกมาอย่างอัตโนมัติในอัตราที่พอเพียงจะใช้หายใจได้ในเวลา 3-15 นาที (แล้วแต่จำนวนกระป๋องที่บรรจุ) อีกทั้ง อุปกรณ์ต่างๆ ยังเรืองแสง ช่วยมองเห็นในที่มืด โดยชุดอุปกรณ์ต่างๆ เก็บไว้ใช้งานนานได้กว่า5 ปี ส่วนกระเป๋าบรรจุอากาศ เก็บไว้ได้นาน 2 ปี

สำหรับขั้นตอนใช้งานเพียงสวมชุดอุปกรณ์เข้ากับตัว สวมถุงครอบศีรษะ ดึงสายรัดทั้งสองด้านให้พอดีรอบคอ อมจุกยางไว้หายใจออกทางปาก กดปุ่มล็อกค้างอากาศจะออกมาตามสายเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ ถ้าผ่านการฝึกฝนจะปฏิบัติได้ภายในเวลาไม่เกิน 10 วินาที ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากลที่กำหนดว่า อุปกรณ์ช่วยชีวิตยามเกิดไฟไหม้ควรปฏิบัติการได้ภายในเวลา 30 วินาที นพมาศศิริ อธิบายเสริมว่า ในต่างประเทศมีอุปกรณ์ลักษณะใกล้เคียงกัน ทว่า มีน้ำหนักมากถึง 3-5 กิโลกรัม ส่วน URGENT FIRE-PAK ทั้งชุดหนักเพียงประมาณครึ่งกิโลกรัม ไม่เป็นอุปสรรคต่อการวิ่ง ทำให้เด็กหรือสัตว์เลี้ยงสามารถใช้งานได้สะดวก นอกจากนั้น สินค้าของต่างประเทศ ราคาสูงกว่า 2-3 หมื่นบาท ขณะที่สินค้าไทยชิ้นนี้ ราคาเริ่มต้นที่พันกว่าบาท สำหรับแบบพกพากระป๋องเดี่ยว ส่วนราคาสูงสุดแบบชุดติดผนังประมาณ 6 พันกว่าบาท

ด้านการทำตลาดนั้น ลำเพาพรรณ เผยว่า จะเข้าไปเสนอสินค้าด้วยตัวเองตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน หากเป็นองค์กรที่มีผู้บริหารชาวต่างชาติ จะให้การตอบรับสินค้านี้อย่างดียิ่ง ตรงกันข้ามกับหน่วยงานของไทย โดยเฉพาะภาครัฐ แม้จะชื่นชมและเห็นความสำคัญ แต่ปฏิเสธการสั่งซื้อ ด้วยเหตุผลว่า ไม่มีงบประมาณพอสำหรับซื้ออุปกรณ์ดูแลความปลอดภัย “ส่วนตัวดิฉันมั่นใจว่า สินค้านี้มีตลาดที่ใหญ่มาก แต่เรายังไม่สามารถไปถึงจุดที่เปิดตลาดได้สำเร็จ เนื่องจากปัญหาสำคัญ คือ ภาครัฐ และคนไทย ยังไม่ได้ให้ความใส่ใจกับความปลอดภัยอย่างจริงจัง แต่หลังเหตุซานติก้า หวังว่า คงมีความตื่นตัวในด้านการหนีไฟและเตรียมการต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในระดับนโยบายจากผู้บริหารองค์กรต่างๆ เราต้องช่วยกันสร้างจิตสำนึกสาธารณะในด้านความปลอดภัยให้เป็นวัฒนธรรม เพื่อตระหนักถึงภัยต่างๆ และให้คนไทยมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเมื่อเผชิญเหตุการณ์อันตราย อีกทั้งขอให้ช่วยกันสนับสนุนสินค้าไทยเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการเสียดุลการค้าต่างประเทศ” ลำเพาพรรณ ระบุ

คู่หูธุรกิจ ทิ้งท้ายว่า ถึงจะผลิตอุปกรณ์ช่วยชีวิตจากอัคคีภัย แต่ภาวนาว่า อย่าให้มีใครต้องประสบเหตุเพลิงไหม้จนต้องใช้สินค้าตัวนี้จริงๆ เลย ขอเพียงซื้อสินค้าชิ้นนี้เหมือนการทำประกันชีวิต เพื่อความสบายใจโดยหวังว่าเหตุร้ายจะไม่เกิดขึ้น ติดต่อธุรกิจ โทร.0-2255-2808 , 0-2254-5434 และ
www.urgentfirepak.net
o
ขอบคุณข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์
huahinhub Thanks
o

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น