6.14.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๑๒๑ (ใช้ชีวิตแบบ ส้มอัมรา)




ภาพของสาวห้าว รอยสัก และรักร้อนแรง ของผู้หญิงคนที่ชื่อ “ส้ม อมรา” แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่มองสาวคนนี้ในอีกมุมที่แตกต่างกัน
o
แต่ในขณะเดียวกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าสาวซ่าคนนี้ยังคงเป็นต้นแบบของสาวเปรี้ยวซ่าทั้งหลาย หลากหลายความเห็นที่มีในตัวผู้หญิงคนนี้ ดนตรี รอยสัก ความรักและการวางตัว คือภาพภายนอกที่คุณคุ้นเคย ยังมีสมองและแนวคิดของเธอที่เราต้องการค้นหา
o
“ความจริงส้มก็อยากน่ารักนะ..(หัวเราะ)” เจ้าตัวเอ่ยถึงภาพลักษณ์และตัวตนของเธอ “ส้มเป็นคนตรงไปตรงมาบางทีเป็นเสือ บางทีเป็นแมว แล้วแต่ว่าคนที่เจอเป็นอย่างไร ถ้าเขามาดีเราก็เป็นแมว แต่ถ้าเขามางี่เง่าไร้สาระ เราก็ต้องเป็นเสือ เรื่องที่ยอมไม่ได้เลยคือเรื่องการดูถูก เรื่องที่ต้องมีหิริโอตตัปปะ พวกที่ไม่รู้จักละอายทั้งหลาย เราทำงานในสถานที่ที่คนต้องกินเหล้ากัน เราต้องควบคุมอารมณ์จะเป็นเสือใส่เขาไม่ได้ บางครั้งต้องเป็นเสือครึ่งแมวครึ่ง ส้มจะคะขา กับคนที่ควรเคารพค่ะ ส่วนกับแม่นี่ จะคุยกันธรรมดามาก เป็นเพื่อนเลย ว่าไงตัวเอง..(หัวเราะ)”
o
ในมุมของสาวเปรี้ยวซ่าที่หลายคนมองเห็น ส้มเล่าถึงชีวิตในรอบ 33 ปีที่ผ่านมาของเธอว่า แม้ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่ แต่เธอยืนยันว่ามีความเป็นผู้หญิงไทยสูง และรู้ผิดชอบชั่วดี “ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ส้มอยู่เองมาตลอด แม่ทำงานบ้าน พ่อเป็นหมอ ปู่เป็นเจ้าของผับ ลูกออกมาเลยเป็นแบบนี้ จบนิเทศฯกราฟฟิกดีไซน์ ตอนเรียนสายวิทย์ อยากเป็นวิศวะ แต่ไม่มีโอกาสได้ไปแสวงหาสิ่งนั้นเลย”
o
“ส้มมีความเป็นผู้หญิงไทยอย่างแรง คนจะมองเราแรง ก็ไม่เป็นไร..(หัวเราะ) คนรอบข้าง คนที่รักเรารู้ว่าเราเป็นคนอย่างไรก็พอแล้ว มันเป็นความคิดส่วนบุคคล มันห้ามไม่ได้ การโอบกอดในงานน่ะมี แต่มันอยู่ที่เจตนา กอดเพื่ออะไร ฝรั่งเจอกันโอบ แฟนเพลงเจอกันขอกอด แต่คำว่าเลิฟซีนมันคือการที่เราต้องแสดงให้เป็นคนที่รักกันจริงๆ ซึ่งทำไม่ได้ ส้มจะรู้สึกหวงเนื้อหวงตัว”
o
แต่ความเป็นนักเลงจะเลือกใช้ในสถานการณ์ที่จำเป็นเท่านั้น “ส้มไม่ชอบทำร้ายใคร ไม่ตบตีกับผู้หญิง ผู้ชายก็เคยโดนส้มมาบ้างนะ เขาเมาแล้วพูดจาไม่รู้เรื่องเราก็ซัดเข้าเบ้าตาเลย แต่ไม่เป็นข่าว สติเขาอยู่ไม่ครบแล้วแต่เมามากวนเรา มีคนชอบลองของบ่อยเหมือนกัน เอาไฟไปช็อตคนดูก็มี แล้วเอามาจิ้มส้ม เราชี้หน้าเขาก็วิ่งออกไป ลวนลามไม่มีนะ เราหลบได้ ไม่ถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัว"
o
การไม่ได้อยู่ใกล้ชิดพ่อแม่ไม่ได้ทำให้ทุกชีวิตมีปัญหา เพราะเธอสามารถดูแลตัวเองได้ "ส้มเรียนรู้จากหนังสือนะ ตั้งแต่เล็กอยู่โรงเรียนประจำ ไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่ เรียนที่อัมพรไพศาล จบมาก็มาเอแบคก็อยู่หอมาตลอด เราเรียนรู้เองเราไม่ได้รับการตบซ้ายตบขวามามากนัก เรียนจบก็ทำงานในกรุงเทพก็ไม่ได้อยู่ใกล้เขาอีก เกิดอ่างทองพ่อเป็นหมอ ย้ายโรงพยาบาลบ่อยๆ ส้มมีน้องชายคนหนึ่ง นอกนั้นเป็นน้องชายลูกพี่ลูกน้อง เราก็เป็นเจ๊ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก แต่พ่อแม่ก็ส่งเสียเรามาด้วยตลอดครอบครัวค่อนข้างสบาย"
o
หน้าที่การงานที่เธอทำมาแล้วแทบทุกด้านในวงการบันเทิง ทำให้เธอตอบตัวเองว่า ระหว่างสมองและท่อนแขนที่มีรอยสัก คนคงเลือกเธอเข้าทำงานเพราะอย่างแรกมากกว่า " ส้มคิดว่าเราไม่ได้ทำให้ใครเจ็บตัว แล้วไม่ได้ทำให้ใครคนอื่นเดือดร้อนด้วย เราก็สักของเราแล้วเราก็สามารถทำมาหากินได้ บางคนมีรอยสักเขาอาจจะไม่รับเข้าทำงานแต่ว่าสิ่งที่ส้มใช้ทำงานคือสมองนะไม่ใช่ท่อนแขน สักตอนแรกไม่ใหญ่เท่านี้ค่ะ เรียนโรงเรียนประจำพอจบมาก็อิสระ เลยไปสักคำว่า free bird (หัวเราะ) เอาเล็กๆก่อนแล้วค่อยขยับ”
o
“คนชอบสักมีหลายอย่าง สักเพื่อศิลปะ เพื่อความเชื่อ ลงของมีอาคม แล้วอีกประเภทคือสักเพราะโรคจิต ชอบความเจ็บปวด เครียดไปสัก อกหักไปสัก มันเจ็บปวดทางกายแต่ไม่ดูแลความเจ็บปวดทางใจของตัวเองไม่รู้จักเอาธรรมะเข้าข่ม ส้มสักเพราะชอบศิลปะ มันตอบไม่ได้ว่าตอนไหนควรไปสัก เอาเป็นว่า ถ้าชีวิตไม่ได้ทำอะไรให้ใครยุ่งยาก เลี้ยงตัวเองได้แล้ว จะมีรอยสักหนึ่งอันก็ลองไปเลือกลายให้กับตัวเองที่เหมาะสม” เจ้าตัวพูดจบพลางมองไปที่รอยสักพระสุรัสวดี เทพแห่งศิลปะวิทยาการที่เธอศรัทธาและชื่นชอบเมื่อศิลปะมาอยู่บนตัวเธอ
o
“ ส้มก็เรียนจบมาก็ไปทำหน้าที่ฝ่ายมาเก็ตติ้งของเอ็มโพเรี่ยม เขาก็รู้ว่าสักเวลาประชุมก็ใส่สูท ผมก็ยังโล้นๆเขาก็รับ เขาดูที่ผลการเรียนแล้วก็วิธีการทำงาน ตอนเด็กๆยอมรับเรียนดี แต่พอมหาวิทยาลัยจะค่อนข้างปล่อยตัวเอง จบนิเทศฯ เราใช้ผลงานของเราเข้าทำงานไม่ใช่GPA จากเอ็มโพเรี่ยมก็ไปเป็นครีเอทีฟ เป็นอีกหลายอย่าง AE ก็เป็น อีเวนต์ก็ทำมา100กว่าอีเวนต์ ในขณะนั้นก็ทำงานไปด้วย แต่งเพลงไปด้วย”
o
นอกจากเรื่องสัก ดนตรี เรกเก้ สกา เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เหมือนเป็นชีวิตจิตใจของส้ม... "ส้มเป็นคนแรกที่ทำให้เด็กวัยรุ่นไทยโกนหัวด้านข้าง จากอัลบั้มแรกสวีตเลส ความตั้งใจแรกเราก็อยากให้คนไทยรู้จักเรกเก้ สกา อัลบั้มก็มีรู้จักกลุ่มหนึ่งก็สำเร็จประมาณหนึ่ง อัลบั้มที่ 2 ย้ายไปอยู่แกรมมี่ในก้านคอคลับ ซ่า อมรมณ์ ก็รู้จักมากขึ้น พอมาซิงเกิ้ล playgirl คนรู้จักมากไปทั่ว ส้มก็ถือว่าความสำเร็จไต่มาทีละขั้นแต่ เข้าปีที่ 6 แล้วคนก็ยังไม่ได้รู้จักเร้กเก้มากขึ้นเท่าไหร่”
o
แม้ไม่ได้มีล้านก็อปปี้ ขายดี ยอดดาวน์โหลดถล่มทลาย แต่ต้องยอมรับว่าเพลงของส้ม อย่างplaygirl ก็ทำให้ชื่อเสียงของเธอเป็นที่รู้จัก และมีความสุขกับวงจรงานเพลงไทยในระบบธุรกิจที่เธอเข้าใจเป็นอย่างดี “ความสุขตอนนี้มันวัดจากก๊อบปี้ไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อก่อนนี้คนซื้อเทป ไม่ค่อยได้ ขายโชว์ แต่รายได้มาจากเทป แต่วงจรปัจจุบันคนซื้อน้อยลงไปขโมยมากขึ้น ศิลปินก็เลยต้องขายโชว์ ค่าโชว์แพงขึ้น ทำให้คนที่ซื้อโชว์ซึ่งคือผับ เขาก็ต้องคิดราคาค่าโปรดักต์ที่เราต้องซื้อทานแพงขึ้น อย่างไรก็ต้องจ่ายอยู่ดีทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่ว่าขโมยแล้วไม่ต้องจ่ายทางอื่นนะ" เจ้าตัวพูดอย่างเข้าใจวงการที่ตนเองทำอยู่แบบสีหน้าไม่กังวลแต่อย่างใด
o
ส่วนเรื่องราวของความภาคภูมิใจ ของเธอนั้นครั้งหนึ่ง ได้รับเกียรติเป็นตัวแทน 1 ใน 6 คนของประเทศไทย ร่วมวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก 2008 ซึ่งเจ้าตัวบอกกับเราว่าเขินทีเดียวกับตำแหน่งนั้น...“ไปวิ่งถือคบเพลิง เพราะว่าไปในฐานะ ทำงานสิ่งแวดล้อม เขินๆ เป็นคนที่ทำประโยชน์ให้แก่ชาติด้านสิ่งแวดล้อม ปีนี้ก็ปีที่ 6 แล้ว ในยุคที่เขายังไม่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ส้มไปจัดงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เกาะเต่า รณรงค์อย่าไปทำลายปะการังเวลาดำน้ำ มันคือมรดกของชาติ ลูกหลานเราก็อยากให้เขาเห็นน่ะ”
o
ในยุคข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจลุ่มๆดอนๆ สาวซ่าคนนี้ไม่ได้มีชีวิตศิวิไลซ์มากมายนัก แต่ยอมรับทั้งการเมืองและเศรษฐกิจเกี่ยวข้องกับทุกชีวิต จนทำให้เธอไม่กล้าเป็นหนี้ แต่กลับทุ่มทุนให้แก่ซีดีแท้ที่เธอโปรดปราน “ส้มใช้เงินไม่เปลืองค่ะ ส้มซื้อซีดีของแท้ตลอด มีไอพอดก็ไม่ยอมใช้ ใช้ไม่เป็น ไม่ชอบใช้บัตรเครดิต ชอบใช้เงินสด ชีวิตนี้จะไม่ยอมเป็นหนี้เด็ดขาด แต่กำลังอาจจะเป็นเพราะมีโครงการทำธุรกิจส่วนตัวสักอย่างสองอย่าง”
o
ส่วนความรักที่เคยผิดพลาด ทะเลาะตบตีจนถึงขั้นเลิกรา มาวันนี้ส้ม ซึมลึกถึงรักประการหนึ่งว่าการหาคู่ครองนั้น นอกจากความรักที่มีให้กันแล้ว ควรมีศีลที่เท่ากันอีกด้วย “เป็นคนมีความรักอยู่ตลอดเวลานะ ถึงช่วงที่ไม่มีแฟนก็ยังมีเพื่อน ส้มไม่ใช่คนโหยหาอะไรขนาดนั้น เพื่อนส้มรักส้ม น้องๆในวง ครอบครัวรักส้มก็จบ ไม่ใช่คนขี้เหงาอยู่คนเดียวไม่ได้ คนรักของส้ม อย่างน้อยเป็นคนที่เข้าใจเรื่องที่ใกล้เคียงกัน ศาสนา ดนตรี กวี ศิลปะ พระพุทธเจ้าบอกว่าคนที่จะอยู่ด้วยกันได้ เข้ากันได้ ต้องมีศีล สมาธิ และปัญญาที่เท่ากัน แล้วความรักคือการที่เรามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ความรัก รักแบบไหนก็ตามต้องให้สิ่งที่ดีต่อกัน" ส้มทิ้งท้ายถึงความรักของเธอ
o
สำหรับผลงานเพลงนั้น อัลบั้มเต็มเสร็จสิ้นเดือนหน้าอย่างแน่นอน ภายใต้ค่ายใหม่ และเพื่อนร่วมวงใหม่ของเธอ อีกทั้งผลงานหนังกับอเมริกาที่เธอรับเล่นไว้แล้ว ซ่าแต่ชื่อและรูปลักษณ์ ส้มลูกนี้ครบรส ไม่ได้มีแต่เปรี้ยวอย่างเดียว...
o
HER Thought !
“การใช้ชีวิตทำงานตอนนี้ต้องใช้ 3 อ. อดทน อดออม อิ่มอกอิ่มใจ ไปด้วย ในขณะที่เราอดทนอดออมเราก็ไม่ใช่ทนจนกินนอนไม่ได้ อย่าให้เกิดความเครียด มีอีกประโยคนึงอยากจะให้ คือใช้ศีล สมาธิ ปัญญา มีสติ แล้วจะมีสตางค์ มีสติกับการใช้เงินค่ะ” …นี่คือแง่คิด จาก ส้ม อมรา
o
ขอบคุณข้อมูลจาก ผู้ดการออนไลน์
huahinhub Thanls
O

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น