6.07.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๑๐๐ (แต่งตัวเครื่องเทศใหม่ เอาใจวัยรุ่น)







k
k
k
k
k
k
k
k
k
k
k
k
k
k
k
k
k
k
Spice Story รวมพลเครื่องเทศ ระดม 200 ชนิด แต่งตัวใหม่เอาใจวัยรุ่น
นับวันคนรุ่นใหม่ที่จะรู้จักเครื่องเทศทั้งของไทย และจีน ที่เมื่อนำมาตุ๋นกับเนื้อสัตว์ตามต้องการ เปี่ยมไปด้วยสรรพคุณบำรุงร่างกาย จะหายากเต็มที ต้องเป็นคนรุ่นแม่ หรือคุณยาย ที่มักนำเครื่องเทศเหล่านี้มาทำให้กับลูกหลานได้รับประทาน ส่งผลให้ผู้นำด้านเครื่องเทศของไทยที่รู้จักกันดีอย่าง “พริกไทยตรามือที่ 1” ของบริษัท ง่วนสูน จำกัดที่อยู่คู่กับย่านเยาวราชมายาวนานกว่า 50 ปี เปิดร้านสีสันสะดุดตา สินค้าประทับใจทั้งชาวไทยและต่างชาติ ด้วยสุดยอด ‘เครื่องเทศ’ กับร้าน “Spice Story” แปลเป็นไทยก็หมายความว่า เรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องเทศต่าง ๆ นั่นเอง

ใครจะคิดว่าการชอปสินค้าประเภทเครื่องเทศจะเป็นเรื่องที่เพลิดเพลิน เหมือนได้ย้อนกลับไปที่ห้องครัวของรุ่นปู่ย่า เมื่อครั้งเยาว์วัย ที่อุดมไปด้วยกลิ่นของเครื่องเทศนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น อบเชย พริกแห้ง เครื่องพะโล้ พริกไทยนานาชนิด เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับวันจะกลายเป็นวัตถุดิบที่ไกลตัวคนรุ่นใหม่เข้าไปทุกที ทำให้ทายาทธุรกิจพริกไทยตรามือ เจเนอเรชั่นที่ 3 ช่วยกันขบคิดให้เครื่องเทศของไทยและเทศกลายเป็นสินค้าที่หยิบฉวยได้ง่าย นำไปเป็นเครื่องเทศสำหรับปรุงอาหารสะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงพัฒนาแพคเกจให้ง่ายต่อการใช้และพกพา เหมือนกับจับสินค้ามาแต่งตัวใหม่นั่นเอง

Spice Story ถือเป็นแหล่งรวบรวมเครื่องเทศ กว่า 200 ชนิด ทั่วทุกมุมโลกมาเข้าไว้ด้วยกัน โดยเน้นที่ความสะอาดและมาตรฐานของสินค้า ที่สำคัญราคายังสบายกระเป๋าสำหรับคนไทยอีกด้วย

วิภาวดี เล่าว่า ทางครอบครัวต้องการให้คนไทยเห็นคุณค่า และสรรพคุณของเครื่องเทศให้มากขึ้น และไม่อยากเห็นเครื่องเทศหายไปตามกาลเวลากับยุคสมัยของปู่ ย่า ดังนั้นเพื่อเอามัดใจวัยรุ่นให้เห็นค่าเครื่องเทศ ทางร้านจึงนำร่องเปิดตัวที่ห้างสยามพารากอนชั้น G เน้นสีสันฉูดฉาด อย่างสีชมพูสดใส ในสไตล์แบบจีน ซึ่งถือว่าเป็นความตั้งใจของครอบครัวที่ต้องการฉีกความคิดเดิมของคนทั่วไปที่มองว่าร้านเครื่องเทศจะต้องเป็นสีทึมๆ ไม่น่าเข้าไปเลือกซื้อสินค้า แต่เมื่อโทนสีออกมาเป็นสีที่สะดุดตา ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความสงสัยว่าขายอะไร และต้องการที่จะเข้าไปค้นหาคำตอบ

“เหมือนกับเราจับเครื่องเทศมาแต่งตัวใหม่ โดยเฉพาะการพัฒนาแพคเกจให้ดูทันสมัยเหมาะเป็นทั้งของใช้ในครัวและของฝากสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนรุ่นใหม่ด้วยการนำจับเครื่องเทศต่างๆ มาอยู่ในแพคเกจเดียวกันในแต่ละเมนู เช่น ซุปตุ๋นปลา ซุปหมู (บะกุ๊ดเต๋) ผงทำข้าวพระรามลงทรง ผงหมูสะเต๊ะ เป็นต้น ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ ที่อยู่คู่ครัวไทย ทางเราก็นำมาให้ให้แห้ง ปราศจากเชื้อรา พร้อมใช้งาน โดยทั้งกลิ่น และสรรพคุณไม่เปลี่ยนแปลง เช่น พริกไทยดำเม็ด ใบเตย ใบมะกรูด จูจ้อ (พุทราแดง) และพริกแห้ง เป็นต้น”

นอกจากทางร้าน Spice Story จะขายเครื่องเทศแล้ว ในร้านยังจัดมุมเล็กๆ สำหรับโต๊ะ 3-4 ตัว ไว้คอยบริการอาหาร จากเครื่องเทศที่หยิบฉวยง่ายจากในร้าน เช่น ก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ตุ๋น ข้าวหมกไก่ และเปาะเปี๊ยะทอดไส้เบคอนผักโขมกับชีส ในขณะที่ของหวานจะเน้นไปที่ไอศกรีม สูตรคิดขึ้นเองที่หนีไม่พ้นการนำเครื่องเทศมาเป็นวัตถุดิบหลัก เช่น รสพริกไทย อบเชย พริกขี้หนู ตะไคร้ และชานมขิง เป็นต้น ซึ่งเมนูเหล่านี้ วิภาวดี บอกว่า เป้นสูตรของครอบครัวที่ได้ทดลองทำกันขึ้นมาเอง และลองชิมกันในครอบครัวแล้ว ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารสชาติไม่แพ้ไอศกรีมแบรนด์ดัง

สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต วิภาวดี บอกว่า ทางครอบครัวตั้งใจที่จะนำรูปแบบร้าน Spice Story ไปเปิดที่ต่างประเทศ แต่ต้องดูศักยภาพก่อน เนื่องจากเครื่องเทศ อาจเรียกได้ว่าเป็นสินค้าที่ขายไม่ง่ายนัก รวมถึงหากการจัดเก็บไม่ดีก็อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ โดยรูปแบบการโกอินเตอร์นั้น จะเป็นการร่วมทุนกับต่างชาติ เน้นประเทศในแถบยุโรป ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนเอเชีย เช่น ฮ่องกง และญี่ปุ่น ในขณะที่ลูกค้าชาวอเมริกา และยโรปก็บ้าง มักซื้อกลับไปเป็นของฝาก ตามความนิยมในต่างประเทศที่หากใครซื้อเครื่องเทศมาฝาก จะถือเป็นของฝากที่มีค่ามาก เพราะเครื่องเทศชั้นนำคุณภาพเยี่ยม ส่วนใหญ่จะมีมากในประเทศแถบเอเชีย โดยชาวหัวหิน สามารถติดต่อธุรกิจได้ที่เบอร์ 0-2610-7505
kkkk
ขอบคุณข้อมูลจากผู้จัดการออนไลน์
huahinhub Thanks
kkkkk

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น