6.07.2552

| เชื่อมโยงธุรกิจ ๑๐ (ธุรกิจถุงเท้าจากวิกฤต)





Ben’s Socks ถุงเท้าจากวิกฤต ธุรกิจคนตกงานไร้เงินเดือนหลักแสน

นายบรรจบ เพียรพาณิชย์พร หรือนายเบน
แม้จะเป็นเพียงธุรกิจผลิตถุงเท้า ที่หลายคนมองข้ามว่าเป็นเพียงสินค้าธรรมดา ไม่มีอะไรที่แปลกใหม่ แต่ใครจะรู้บ้างว่าเบื้องหลังของผู้ประกอบการไทย ผู้ผลิตถุงเท้าคุณภาพเพื่อคนไทยนั้น ต้องปิดตัวลงไปหลายราย หลังจากถูกสินค้านำเข้าจากประเทศจีนเข้าแทรกแซง แต่ใครจะรู้บ้างว่าในเมืองไทยยังมีเจ้าของโรงงานผลิตถุงเท้า เน้นคุณภาพเพื่อคนไทย และมีความตั้งใจจริงที่พยายามประคับประคองธุรกิจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าจะต้องฟันฟ่ากระแสคลื่นสินค้าราคาถูกจากประเทศจีนก็ตาม

อาจจะกล่าวได้ว่าสิ่งที่ทำให้ถุงเท้าสัญชาติไทยแท้ๆ อย่าง Ben’s Socks ที่สามารถครองตลาดมานานเกือบ 10 ปี ยืนหยัดอยู่ได้คงเป็นเพราะการใช้หัวใจแกร่ง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เมื่อครั้งประเทศไทยเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 แต่กลับใช้สติ ความอดทน และทำทุกวิถีทางเพื่อหารายได้มาหล่อเลี้ยงครอบครัว ให้กับภรรยา และลูกสาวทั้ง 2 คนที่ ณ ขณะนั้นลูกสาวคนเล็กเพิ่งลืมตามาดูโลกได้เพียง 4 เดือน

นายบรรจบ เพียรพาณิชย์พร หรือ เบน เจ้าของโรงงานผลิตถุงเท้าคุณภาพแบรนด์ Ben’s Socks หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ “ร้านถุงเท้านายเบน” ที่อัตชีวประวัติมีความน่าสนใจ ไม่แพ้การดำเนินธุรกิจผลิตถุงเท้า จนก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ที่คนไทยรู้จัก และอุดหนุนสินค้าของนายเบนมายาวนาน

เส้นทางดำเนินธุรกิจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถือเป็นคำกล่าวที่ไม่ผิดเลย สำหรับธุรกิจถุงเท้านายเบน จากหนุ่มวิศวกรรับเงินเดือนหลักแสน ต้องกลายมาเป็นคนตกงานจากวิกฤตปี 40 ที่แม้นายจ้างจะเมตตาให้โอกาสไปทำงานบริษัทในเครือที่ประเทศจีน แต่ก็ต้องปฏิเสธไปด้วยความเป็นห่วงภรรยา และลูกสาวที่ยังเล็กอีก 2 คน ดังนั้นการหางานทำในเมืองไทยน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แม้จะไม่ได้เงินเดือนเท่ากับเมื่อครั้งอดีตก็ตาม โดยเปรียบชีวิตของตนเองในช่วงนั้นเป็นเสมือนเรือไททานิก ที่กำลังจม แต่ในเมืองไทยน้ำไม่เย็นขนาดนั้น มีความอุดมสมบูรณ์กว่า ดังนั้นหากไม่งอมืองอเท้า ก็น่าจะประคับประคองให้ครอบครัวอยู่รอดต่อไปได้

ดังนั้นหลังจากตกงานนายเบนได้ปรับเปลี่ยนแผนงานที่ต้องทำแต่ละวัน มาแปลงเป็นแผนงานด้านการเงินของครอบครัว ซึ่งเมื่อคำนวณอย่างละเอียดแล้ว ปรากฏว่านายเบนต้องหาเงินให้ได้อย่างน้อยวันละ 500 บาท จึงจะเพียงพอต่อรายจ่ายของครอบครัว ซึ่งในช่วงแรกนายเบนไม่คิดที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือคิดจะขายของ คิดแต่เพียงว่าตนเองจะไปสมัครงานในบริษัทต่างๆ ที่ยังไม่ล้ม แต่ด้วยคำถามของเตี่ย (พ่อ) ที่ว่าในโลกเรามีกี่อาชีพ ซึ่งคำตอบที่ได้มีเพียง 2 อาชีพเท่านั้น คือ อาชีพรับจ้าง ที่ถึงแม้เราจะทุ่มเททำงานมากแค่ไหน สุดท้ายหากบริษัทล้มเราก็ต้องตกงานไปด้วย ส่วนอีกหนึ่งอาชีพคือการเป็นนายตัวเอง หรือเจ้าของธุรกิจ นั่นเอง ซึ่งทำให้นายเบนตัดสินใจเริ่มจากการค้าขายของใกล้ตัว เพื่อค้นหาสินค้าที่คิดว่าเหมาะกับตนเองที่สุด

และสนามทดสอบความแข็งแกร่งของนายเบนคือตลาดนัดคนเคยรวย บริเวณลานจอดรถห้างซีคอนสแควร์ ที่นายเบนนำของรักออกมาขาย อย่าง ชุดสูท นาฬิกา เนคไท เสื้อผ้าแบรนด์เนม รองเท้า หรือแม้กระทั่งตำราเรียนด้านวิศวกรรมศาสตร์ต่างประเทศ (Text Book) ก็ไม่ได้รับการยกเว้นก็ต้องถูกนำไปขายให้กับเหล่านักศึกษาในราคาถูกเช่นเดียวกัน ซึ่งสินค้าขายดีมากวันแรกมีเงินกลับบ้านถึง 4,000 บาท
hh
แต่นับวันข้าวของในบ้านก็เริ่มลดน้อยลง ทำให้นายเบนนำเสื้อผ้าของญาติมาจำหน่าย รวมถึงถุงเท้าของน้องชาย ที่มีเครื่องจักรผลิตถุงเท้านักเรียนมาจำหน่ายด้วย พร้อมกับการผสมผสานกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นการเปลี่ยนทำเลตลาดนัดไปเรื่อยๆ โดยทำการจดสถิติตลาดนัดที่ขายดีไว้ด้วย เพื่อสุดท้ายแล้วจะได้เลือกตลาดนัดในแต่ละวันที่นำสินค้าไปขายได้อย่างถูกต้อง และไม่น่าเชื่อว่าภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี นายเบนมีรายละเอียดตลาดนัดในกรุงเทพฯ กว่า 50 แห่ง สุดท้ายหันมาเปิดหน้าร้านเป็นของตัวเองย่านโบ๊เบ๊ โดยมีทั้งสินค้าของเครือญาติที่ผลิตเอง และสินค้าที่รับมาจำหน่ายต่อด้วย แต่ไปๆ มาๆ สินค้าของครอบครัวกลับขายดีกว่า ด้วยคุณภาพสินค้า ทำให้นายเบนต้องตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้ง

อาชีพการรับสินค้ามาจำหน่ายต่อเพื่อกินเปอร์เซ็นต์ อย่างเสื้อผ้าและถุงเท้า ในท้ายที่สุดแล้ว ก็หนีไม่พ้นอาชีพรับจ้าง ทำให้นายเบนตัดสินสินใจเดินทางเข้าสู่อาชีพการเป็นนายตัวเอง ด้วยการเปิดโรงงานผลิตถุงเท้าหลังจากที่ผ่านมาได้เข้าไปคลุกคลีกับโรงงานของน้องชายที่มีเครื่องจักรผลิตถุงเท้านักเรียนสีขาวอย่างเดียว ซึ่งเริ่มไม่ทันสมัยไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบถุงเท้าลวดลายใหม่ๆ ได้

“ผมได้สั่งนำเข้าเครื่องจักรผลิตถุงเท้าเองทั้งหมด โดยในช่วงแรกยังไม่มีแบรนด์ แต่เพื่อการสร้างความจดจำในสินค้า จึงกลายมาเป็นโลโก้ Ben’s Socks ที่เน้นการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทำจากเส้นด้ายสปันผสมคอตตอน และอะครีลิก ซึ่งสูตรดังกล่าวตนคิดค้นขึ้นเอง ที่นอกจากมีความทนทาน นุ่ม สวมใส่สบายแล้ว ยังมีความยืดหยุ่นสูงอีกด้วย ทำให้ถุงเท้านายเบนได้รับการตอบรับจากลูกค้าในเวลาอันรวดเร็ว"

ปัจจุบันหน้าร้านที่โบ๊เบ๊ทาวเวอร์ตั้งยู่ที่ชั้น 5 ตึกเก่า ระหว่างโซน 3 กับโซน 4 ที่นายเบนออกแบบชั้นวางกล่องถุงเท้าให้พอดีกับพื้นที่ เพื่อการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าที่สุด รวมถึงการจัดระเบียบภายในร้านให้ลูกค้าสามารถเดินเลือกซื้อ สินค้าได้รอบ เหมือน ‘Socks Supermarket’ ในขณะที่ประเภทสินค้าถุงเท้าของนายเบน เรียกได้ว่าครบวงจร ทั้งถุงเท้าแฟชั่นที่ขายดีที่สุด โดยลวดลายภรรยา เป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมดกว่า 500 แบบ, ถุงเท้านักเรียน, ถุงเท้ากีฬา, ถุงเท้าเด็ก หรือแม้กระทั่งถุงเท้าลิเก และถุงเท้าลูกเสือที่มีขนาดของนักเรียนไปจนถึงขนาดผู้ใหญ่ สำหรับครูผู้สอนด้วย
hhhhh
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต นายเบน ตั้งเป้าให้ Ben’s Socks เป็นแบรนด์ถุงเท้าเบอร์หนึ่งของไทย ที่เจ้าของธุรกิจตั้งใจให้คนไทยได้ใช้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ แทนการนำเข้าสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศ และหากชาวหัวหิน สนใจติดต่อธุรกิจ สามารถติดต่อได้ที่ 0-2628-1999 ต่อ 1532, 0-2628-0966 หรือที่ www.ben-socks.com
kkkk
ขอบคุณข้อมูลจาก www.manager.co.th
huahinhub Thanks
kkkkk

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น