6.16.2552

| กระตุ้นความคิด ด้วยไอเดีย ๑๒๓ (Freeconomics)


6 ก.ค.รอพบทฤษฎี Freeconomics

คริส แอนเดอร์สัน บรรณาธิการบริหาร Wired นิตยสารเทคโนโลยีที่คนไอทีอ่านกันค่อนโลก ประกาศชัดว่า "ของฟรีคืออนาคตของธุรกิจ"
o
เขาคนนี้แหละเป็นคนสร้างวลี "The Longtail" ขึ้นมาจากหนังสือสะท้อนภาพ
ธุรกิจยุคดิจิทัลอันลือลั่น The Long Tail: Why the Future of Business Is Selling Less of More ตีพิมพ์เมื่อปี 2549
o
วันที่ 6 ก.ค. หนังสือเล่มใหม่ของเขาชื่อว่า Free รูปแบบโมเดล
ธุรกิจยุคใหม่อีกเช่นกันจะเริ่มวางแผง
o
ใช่แล้ว ฟรี ฟรี ฟรี และเขาตั้งใจแจกฟรีด้วยในรูปแบบของดาวน์โหลดไฟล์ เพียงแต่ด้วยสัญญากับทางสำนักพิมพ์ Hyperion เนื้อหาบางส่วนที่เป็นรายละเอียดจะถูกตัดทอนลงไป ถึงยังหาดาวน์โหลด Free มาอ่านไม่ได้ แต่แอนเดอร์สันเกริ่นทฤษฎี Freeconomics ไว้บ้างแล้วในบทความชื่อ Free! Why $0.00 is the Future of Bussiness
o
โมเดลเศรษฐศาสตร์ของ
ฟรีไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ต้องรอ Free วางแผงหนังสือ เราก็เห็นโมเดลทำธุรกิจแจกฟรีในรูปแบบของการส่งเสริมการตลาดที่ใช้กันมาหลายทศวรรษแล้ว เพียงแต่ในยุคดิจิทัล และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้บริโภคสามารถได้รับบริการข้อมูล และผลิตภัณฑ์ฟรี "อย่างไม่มีเงื่อนไข" ไม่ใช่แค่ "ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง" หรือ " ซื้อเสื้อตัวแรก ตัวที่สองลด 50%"
o
แอนเดอร์สันเล่าถึงโมเดล
ธุรกิจแจกฟรีโดยกล่าวพาดความถึงคุณคิง ยิลเล็ตต์ คนเดียวกับที่ให้กำเนิดใบมีดยิลเล็ตต์เมื่อกว่าร้อยกว่าปีก่อน นายยิลเล็ตต์คนนี้มีความคิดแปลกแหวกสมัย (นั้น) อยู่ว่า อุตสาหกรรมอะไรก็ตามควรมีเพียงรายเดียว โดยมีสาธารณชนเป็นเจ้าของ และคนอเมริกันนับล้านควรอยู่ในเมืองใหญ่ที่ใช้น้ำตกไนแองการ่าปั่นกระแสไฟฟ้า
o
ระหว่างโกนหนวดด้วย
มีดโกนแบบด้ามยาว ที่ทื่อจนเถืออะไรแทบจะไม่ได้อยู่แล้ว เขาเกิดความคิดว่าทำไมไม่ทำใบมีดโกนให้มันบางกว่านี้ แทนที่จะมัวเสียเวลาคอยลับใบมีดอยู่ ทำไมไม่ทำใบมีดโกนที่ทิ้งไปอย่างไม่เสียดายหลังใช้จนทื่อ หลังจากลองทำอยู่หลายปี ในที่สุดใบมีดโกนใช้แล้วทิ้งก็ถือกำเนิด และเริ่มจำหน่ายในปี 1903 ยิลเล็ตต์ขายมีดโกนได้ 51 อัน และจำหน่ายใบมีดได้ 168 ใบ เรียกว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ชายในอเมริกา
o
ยิลเล็ตต์คิด "กิมมิก" การตลาดออกมามากมายหลังจากเริ่ม
ธุรกิจมีดโกนใช้แล้วทิ้ง มีตั้งแต่เอารูปหน้าตัวเองหนวดงามโชว์หราหน้ากล่อง ไปจนถึงยอมขายให้กับกองทัพสหรัฐราคาถูกสุดๆ โดยหวังว่าทหารที่ออกรบจะพกนิสัยโกนหนวดกลับมาโกนหน้าเกลี้ยงเกลาเมื่อปลดประจำการ และขายยกโหลให้กับธนาคารไว้แจกเวลาลูกค้ามาฝากเงิน
o
ตัว
มีดโกนยังเอาไปพ่วงกับสินค้าอื่นมากมายตั้งแต่หมากฝรั่งไปจนถึงกาแฟ ชา และมาร์ชแมลโลว์ กลยุทธ์ของแถมช่วยให้สินค้าพวกนั้นขายดีขึ้น แต่ยิลเล็ตต์เองกอบโกยได้มากกว่า ด้วยกลยุทธ์แจกด้ามมีดโกนซึ่งตัวมันเองแทบจะไม่มีราคาค่างวดอะไรเลยกลับทำให้เกิดความต้องการซื้อใบมีดใช้แล้วทิ้งเพิ่มขึ้น ยิลเล็ตต์ยังคงใช้กลยุทธ์ดังกล่าวอยู่จนทุกวันนี้
o
ตำรา
ธุรกิจแบบ cross-sucsidy ของยิลเล็ตต์ถูกนำไปลอกใช้กันเกร่อ เรียกว่าเป็นโมเดลธุรกิจที่ใช้ได้ทุกยุคสมัย เป็นภาษาพระก็เรียกว่า อกาลิโก ไม่นานมานี้ ฮิวเล็ตต์ แพคการ์ด ประเทศไทยประกาศแจกเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ฟรี แต่พ่วงเงื่อนไขต้องจ่ายค่าหมึกเดือนละ 2,340 บาทต่อเดือนนาน 1ปี หมายความว่าครบหนึ่งปีลูกค้าต้องจ่ายเงิน 28,080 บาท ถือว่าแพงเอาเรื่องสำหรับคนที่ใช้หมึกเดือนหนึ่งไม่ถึง 2 ตลับ กลยุทธ์เดียวกัน แอ๊ปเปิ้ลเคยใช้ผูกขายไอโฟนกับรับบริการสองปีกับค่ายเอทีแอนด์ทีมาแล้ว
o
สิ่งที่แอนเดอร์สันต้องการนำเสนอคือ โมเดล
ธุรกิจแจกฟรีกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ และไม่ใช่ประเภทของแถมแจกพ่วงแบบ cross-subsidy (ผลักภาระต้นทุนของสินค้าหนึ่งไปยังอีกสินค้าหนึ่ง) แต่เปิดให้ใช้กันฟรีไม่มีเงื่อนไข Yahoo และGmail เพิ่มพื้นที่เมลบ็อกซ์ให้ผู้ใช้มหาศาล ชนิดที่ไม่ต้องพกทรัมป์ไดร์ฟติดตัวเลยยังไหว แอนเดอร์สันมองว่าธุรกิจบนเว็บเป็นเรื่องของ "ขนาด" ล้วนๆ ยิ่งดึงคนเข้ามาใช้บริการมากที่สุดเท่าไร ต้นทุนยิ่งกระจายออกไปยังผู้ใช้มากขึ้น และยิ่งทำให้เทคโนโลยีทำงานได้เต็มความสามารถมากขึ้น ทำให้ต้นทุนลดลง "เกือบเป็นศูนย์"
o
แอนเดอร์สันบอกว่ามีสองแนวโน้มสำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้โมเดล
ธุรกิจแจกฟรีขยายตัวไปทั่วระบบ
แนวโน้มแรกคือ เทคโนโลยีช่วยให้
ธุรกิจสามารถกำหนดตลาดของตัวเองได้ยืดหยุ่นมากขึ้น และเปิดทางอิสระให้พวกเขาสามารถแจกสินค้าและบริการให้กับลูกค้ากลุ่มหนึ่ง แต่หารายได้จากการขายสินค้าให้ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง
o
แนวโน้มที่สองคือ เมื่อ
ธุรกิจกระโดดเข้าสู่เครือข่ายดิจิทัลพวกเขาจะรู้ว่าต้นทุนธุรกิจลดลงมากแค่ไหน ยกตัวอย่าง Google พลิกโฉมธุรกิจโฆษณาจากเดิมที่ต้องจ้างพนักงานหาโฆษณา (ต้นทุนสูง) มาเป็นซอฟต์แวร์โฆษณาสำเร็จรูป (ต้นทุนต่ำ) แอนเดอร์สันยืนยันว่า ธุรกิจหลายประเภทสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้ด้วยซอฟต์แวร์ออนไลน์ ธนาคารหลายแห่งเริ่มให้บริการทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โมเดลธุรกิจแจกฟรีมันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำธุรกิจฟรีแล้วมันจะทำเงินมหาศาลไม่ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ เว็บไซต์หางานออนไลน์สามารถเปิดรับผู้สมัครงานได้นับแสน เช่นเดียวกัน บริษัทและร้านค้านับหมื่นสามารถลงโฆษณาจัดหางานได้ไม่อั้น เขียนแบบฟอร์มออนไลน์กันตรงนั้น เรียกมาสัมภาษณ์งานกันทางอีเมล์ภายในวันเดียว
o
แอนเดอร์สันบอกว่า การหารายได้จาก
ธุรกิจออนไลน์ต้องมองตลาดกว้างกว่าแบบเดิมที่มองแค่ "ผู้ซื้อพบผู้ขาย" แต่ให้มองเป็น "ระบบนิเวศ" ที่มีอยู่หลายฝ่าย และหารายได้จากฝ่ายที่สาม โมเดลฟรีประเภทให้ "ฝ่ายที่สามเป็นคนจ่าย" ไม่ใหม่ ทุกวันนี้เราดูทีวีฟรี ฟังวิทยุฟรี รวมไปถึงธุรกิจหนังสือพิมพ์ที่ขายให้กับคนอ่านในราคาที่ถูกกว่าต้นทุนกระดาษ การผลิต และจัดจำหน่าย ธุรกิจสื่อพวกนี้ไม่ได้ขายแค่เนื้อหา แต่ขายโฆษณาให้กับคนดู คนฟัง และคนอ่าน นี่คือตลาดสามทางที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
o
ต่างกันที่ เว็บไซต์ทำให้
ธุรกิจสื่อสามารถขยายตัวไปสู่อุตสาหกรรมทุกประเภท มีรูปแบบธุรกิจนับสิบที่ธุรกิจสื่อสามารถทำเงินได้จากบริการ "ข้อมูลฟรี" เป็นไปได้ตั้งแต่ขายข้อมูลลูกค้า บริการสมาชิก "มูลค่าเพิ่ม" รวมไปถึงการหารายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยตรง
o
คุณอาจไม่ทันนึกก็ได้ว่า เวลาสมัครใช้อีเมล์ Yahoo, Gmail, Hotmail หรือพวกโปรแกรมสนทนา Skype, MSN, Twitter หรือแม้แต่ Nok Nok รวมไปถึงเว็บเครือข่ายสังคมอย่าง MySpace, Hi 5, ฯลฯ ข้อมูลที่คุณกรอกลงไปไม่กี่ช่อง ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ อาชีพ และประเทศ คุณกำลังให้ข้อมูล
ฟรีกับเว็บไซต์ เพื่อให้พวกเขามีรายได้ เว็บไซต์จึงให้บริการฟรีแก่คุณได้ไงล่ะ
อืมม์.......จริงสิ
o
ขอบคุณข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ โดย : สมสกุล เผ่าจินดามุข
huhinhub Thanks
o

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น