![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXNR58SaRhioyaBQZSkCwSJX8aSO_7iGANKew-649sMDuzw3YsBvLWBPDSo-twwwy3RadxTIB-DgnQT49jEtqaqox47x8INZPJrovWpzxRI94SNrYY52PG2Roskug6-NK2R0yoo1lajd99/s400/pagepic.jpg)
o
o
o
o
o
o
ภาพถ่ายไร้อารมณ์ (ของคนเมือง)
ศิลปินชาวญี่ปุ่นถ่ายทอดเสี้ยวนาทีในสภาวะไร้อารมณ์ของเพื่อนร่วมเดินทางบนรถไฟใต้ดินโตเกียว จัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย Silent Mode
o
ใบหน้าที่เรียบเฉย ดวงตาที่เหม่อลอย แสดงออกถึงการปิดตัวเอง จากความเคลื่อนไหวของโลกภายนอก ในขณะเดียวกันท่าทีเรียบเฉยที่ปรากฎ กลับสะท้อนช่วงเวลาที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง โดยปราศจากการปรุงแต่ง
ใบหน้าที่เรียบเฉย ดวงตาที่เหม่อลอย แสดงออกถึงการปิดตัวเอง จากความเคลื่อนไหวของโลกภายนอก ในขณะเดียวกันท่าทีเรียบเฉยที่ปรากฎ กลับสะท้อนช่วงเวลาที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง โดยปราศจากการปรุงแต่ง
o
‘ไซเล็นท์โม้ด-ภวังค์เงียบ’ (Silent Mode) นิทรรศการภาพถ่ายโดย มาซาโตะ เซโตะ ศิลปินนักถ่ายภาพชาวญี่ปุ่น ที่ใช้กล้องที่ปรับชัตเตอร์เป็นระบบเงียบจับภาพใบหน้าเพื่อนร่วมเดินทางบนรถไฟใต้ดินในมหานครโตเกียว ผู้คนที่กำลังหลงละเมออยู่ในโลกของตัวเอง ผู้คนที่กำลังฝัน ครุ่นคิด หรือเหม่อลอย ล้วนไม่ทันสังเกตเห็นชายที่แอบเก็บเกี่ยวเสี้ยวเวลานั้นไว้ด้วยด้วยกล้องไร้เสียง เสี้ยวเวลาที่ทุกใบหน้าสื่อแสดงความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน
‘ไซเล็นท์โม้ด-ภวังค์เงียบ’ (Silent Mode) นิทรรศการภาพถ่ายโดย มาซาโตะ เซโตะ ศิลปินนักถ่ายภาพชาวญี่ปุ่น ที่ใช้กล้องที่ปรับชัตเตอร์เป็นระบบเงียบจับภาพใบหน้าเพื่อนร่วมเดินทางบนรถไฟใต้ดินในมหานครโตเกียว ผู้คนที่กำลังหลงละเมออยู่ในโลกของตัวเอง ผู้คนที่กำลังฝัน ครุ่นคิด หรือเหม่อลอย ล้วนไม่ทันสังเกตเห็นชายที่แอบเก็บเกี่ยวเสี้ยวเวลานั้นไว้ด้วยด้วยกล้องไร้เสียง เสี้ยวเวลาที่ทุกใบหน้าสื่อแสดงความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน
o
มาซาโตะ เซโตะ เกิดที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อปี 1953 เติบโตพร้อมกิจการร้านถ่ายรูปของบิดา ซึ่งเป็นอดีตทหารในกองทัพญี่ปุ่น ก่อนจะย้ายไปญี่ปุ่นในปี 1961 พร้อมกับความสนใจในศิลปะการถ่ายภาพ จบการศึกษาจาก Tokyo Visual Arts เข้าร่วมการอบรมถ่ายภาพของไดโด โมริยามา รวมถึงใช้เวลาช่วงหนึ่งในการเป็นผู้ช่วยของมาซาฮิสะ ฟูกาเสะ สองช่างภาพสำคัญของญี่ปุ่น ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นช่างภาพอิสระเต็มตัว รวมถึงเปิดแกลลอรีภาพถ่ายของตนเองในชื่อ 'Place M'
มาซาโตะ เซโตะ เกิดที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อปี 1953 เติบโตพร้อมกิจการร้านถ่ายรูปของบิดา ซึ่งเป็นอดีตทหารในกองทัพญี่ปุ่น ก่อนจะย้ายไปญี่ปุ่นในปี 1961 พร้อมกับความสนใจในศิลปะการถ่ายภาพ จบการศึกษาจาก Tokyo Visual Arts เข้าร่วมการอบรมถ่ายภาพของไดโด โมริยามา รวมถึงใช้เวลาช่วงหนึ่งในการเป็นผู้ช่วยของมาซาฮิสะ ฟูกาเสะ สองช่างภาพสำคัญของญี่ปุ่น ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นช่างภาพอิสระเต็มตัว รวมถึงเปิดแกลลอรีภาพถ่ายของตนเองในชื่อ 'Place M'
o
"เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วผมไปญี่ปุ่น ก็ได้รู้จักกับคุณเซโตะ ตอนแรกว่าจะเอาภาพถ่ายชุด 'กรุงเทพฯ' ที่เขาเคยถ่ายไว้มาแสดง แต่ไปเจองานชุดนี้รู้สึกประทับใจกว่าก็เลยเอาชุดนี้มาแสดงแทน" มานิต ศรีวานิชภูมิ ศิลปินภาพถ่ายผู้ขับเคลื่อนคัดมันดู โฟโต้ แกลเลอรี่ กล่าว
"เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วผมไปญี่ปุ่น ก็ได้รู้จักกับคุณเซโตะ ตอนแรกว่าจะเอาภาพถ่ายชุด 'กรุงเทพฯ' ที่เขาเคยถ่ายไว้มาแสดง แต่ไปเจองานชุดนี้รู้สึกประทับใจกว่าก็เลยเอาชุดนี้มาแสดงแทน" มานิต ศรีวานิชภูมิ ศิลปินภาพถ่ายผู้ขับเคลื่อนคัดมันดู โฟโต้ แกลเลอรี่ กล่าว
o
"การเลือกที่จะถ่ายรูปคนในสภาวะเหม่อลอย ไร้อารมณ์ มีความน่าสนใจในแง่ของวิถีชีวิตของคนเมืองที่แต่ละคนต้องรู้จักที่จะปิดการรับรู้จากโลกที่วุ่นวาย แม้แต่ในกรุงเทพฯ เองระยะหลังผมเริ่มเห็นคนที่ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วอยู่กับตัวเองไม่สนใจโลกภายนอก รูปแบบนี้เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ ด้วยเหมือนกัน อาการของการที่จะต้องมีวิถีชีวิตแบบนี้มันก็ไม่ใช่จะเห็นแต่ในภาพถ่ายของคุณเซโตะ แต่วิถีชีวิตแบบนั้นมาถึงเมืองไทยแล้ว ภาพถ่ายชุดนี้จึงน่าสนใจในเชิงของสังคมวัฒนธรรมด้วย จะเห็นว่างานของเขาสะท้อนวิถีชีวิตเมืองในแง่มุมที่น่าสนใจ อย่างน้อยอาจจะได้แง่มุมในการมองสังคมไทยเหมือนกัน" มานิต กล่าว
"การเลือกที่จะถ่ายรูปคนในสภาวะเหม่อลอย ไร้อารมณ์ มีความน่าสนใจในแง่ของวิถีชีวิตของคนเมืองที่แต่ละคนต้องรู้จักที่จะปิดการรับรู้จากโลกที่วุ่นวาย แม้แต่ในกรุงเทพฯ เองระยะหลังผมเริ่มเห็นคนที่ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วอยู่กับตัวเองไม่สนใจโลกภายนอก รูปแบบนี้เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ ด้วยเหมือนกัน อาการของการที่จะต้องมีวิถีชีวิตแบบนี้มันก็ไม่ใช่จะเห็นแต่ในภาพถ่ายของคุณเซโตะ แต่วิถีชีวิตแบบนั้นมาถึงเมืองไทยแล้ว ภาพถ่ายชุดนี้จึงน่าสนใจในเชิงของสังคมวัฒนธรรมด้วย จะเห็นว่างานของเขาสะท้อนวิถีชีวิตเมืองในแง่มุมที่น่าสนใจ อย่างน้อยอาจจะได้แง่มุมในการมองสังคมไทยเหมือนกัน" มานิต กล่าว
o
"ในช่วงที่แต่ละคนปิดตัวเองจากโลกภายนอก อยู่ในโลกของเอง ไม่ต้องระมัดระวังแสดงอารมณ์ความรู้สึกอะไร คือตัวตนที่แท้จริงของคนคนนั้น" เป็นคำบอกเล่าจาก มาซาโตะ เซโตะ ศิลปินเจ้าของผลงาน
เสี้ยวนาทีในสภาวะไร้อารมณ์ คือช่วงเวลาที่แสดงตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคน นี่ย่อมไม่ใช่ข้อสรุปแต่ข้อเสนอที่ชวนให้ค้นหา..
"ในช่วงที่แต่ละคนปิดตัวเองจากโลกภายนอก อยู่ในโลกของเอง ไม่ต้องระมัดระวังแสดงอารมณ์ความรู้สึกอะไร คือตัวตนที่แท้จริงของคนคนนั้น" เป็นคำบอกเล่าจาก มาซาโตะ เซโตะ ศิลปินเจ้าของผลงาน
เสี้ยวนาทีในสภาวะไร้อารมณ์ คือช่วงเวลาที่แสดงตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคน นี่ย่อมไม่ใช่ข้อสรุปแต่ข้อเสนอที่ชวนให้ค้นหา..
o
และนี่คืออีกหนึ่ง ที่สะท้อน (โฉมหน้า) ของวิถีชีวิตในเมือง ที่กำลังเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน...หรือชาวหัวหิน จะปฏิเสธกันได้ ล่ะว่าไม่เคย....สวัสดี
o
o
ขอบคุณข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ
huahinhub Thanks
o
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น