![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgI9ic930_cF-8T9OYu02FTv10x8AwmeeIeBJZFo-CExh4doxQXbIklyPfRuxk2i4u75_J270mWEF230gE1i8z8XMU095OsvxsAIUJujr1QzdDxqZ1q_nUrXRHFqovIQAuCfMTeN-fcQJr1/s400/%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%991.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_ImEd44Ws4FqzKN003wbh9ZQr0smw5oZDMVxyGoGZFNMhNEW1r6E0WDUZANVZlpAHc27WEpBi-y25H9OL-hiGuSl_mK_gbRigsDXieGMwiZJuvCV3uck957zgQZkn-hnYwXMGgxzw5HFj/s400/%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%992.jpg)
"โอ๊ต" สุภนิช ปรีชานุวัฒน์กกกกกกกกก"ปุ๊ก" จุฑาทิพย์ วิสิฐพัฒนาทร"
พิษเศรษฐกิจ ส่ง 2 สาววิศวะไปเป็นแม่ค้า
เดือดร้อนกันถ้วนหน้าในภาวะเศรษฐกิจ "ติดลบ" เช่นนี้ ไม่เว้นแม้แต่คนการศึกษาดีๆ เงินเดือนสูงๆ อย่าง "วิศวกร" จากโรงงานแห่งหนึ่งที่ออกมาตรการ "ลด" วันการทำงานลง เพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอด!!แม้จะไม่โชคร้ายถึงขั้นถูกเลิกจ้าง แต่เมื่องาน "ลด" เงินก็ต้อง "น้อย" ลงตามระเบียบ หลายคนพอเจอวิกฤตชีวิตเช่นนี้ก็อาจจะถอดใจปล่อยชีวิตไปตามโชคชะตา
แต่สำหรับ "สาววิศวกรใจสู้ 2 คนนี้" นอกจากจะไม่ปล่อยชีวิตให้ไปตามยถากรรมแล้ว ทั้งคู่ยังไม่อายทำกิน ลุกขึ้นมาสวมบท "แม่ค้า" หารายได้เสริม เพื่อความอยู่รอดของชีวิตและครอบครัว
"เครียดนะ!!! จากคนเคยทำงานทุกวัน มีเงินทองใช้จ่ายสะดวกสบาย มาเจอแบบนี้ ก็แย่เหมือนกัน" "โอ๊ต" สุภนิช ปรีชานุวัฒน์ อายุ 29 ปี วิศวกรฝ่ายผลิตเริ่มเล่า และบอกถึงผลกระทบที่ได้รับว่า เริ่มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จากเคยทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน หยุด 5 วันต่อเดือน ตอนนี้วันหยุดเพิ่มขึ้นเป็น 14 วันต่อเดือน จากได้ค่าแรงจากการทำโอทีเป็นกอบเป็นกำ ตอนนี้ไม่ได้สักบาทเดียว เพราะโรงงานไม่มีนโยบายให้พนักงานทำงานล่วงเวลา ส่งผลให้รายได้ลดลงไปถึง 25 เปอร์เซ็นต์
ช่วงแรกที่หยุดงานใหม่ๆ รู้สึกดีนะ แต่พอหลายวันเข้ามันเริ่มไม่ไหว เพราะในขณะที่รายได้ลด แต่ภาระต่างๆ ไม่ได้ลดตามไปด้วย" ไม่เฉพาะตัวเธอที่แย่ ครอบครัวก็พลอยกระทบไปด้วย อีกทั้งยังส่งผลต่อแผนการเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่ต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่เธอก็ไม่ยอมให้วิกฤตมาทำให้ชีวิตสะดุด กลับพลิกให้เป็นโอกาส นำเงินที่เก็บสะสมไว้ตั้งแต่เริ่มทำงานมาเปิดร้านขายกาแฟสด ร้านเล็กๆ ร่วมกับครอบครัว
จากสาววิศวะทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ มีหน้าที่ควบคุมลูกน้องให้ทำงานตามคำสั่ง รายได้เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาท มาวันนี้ในทุกวันที่หยุดงาน เธอสวมผ้ากันเปื้อนยืน "ชงกาแฟ" ขายแก้วละ 30 บาท ในตลาดฐานเพชรปทุม ย่านอุตสาหกรรมบางกะดี ได้กำไรวันละ 500-600 บาท
"ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งท้อแท้ เมื่อไม่อยากให้ชีวิตแย่ลงกว่าเดิม เราต้องทำใจยอมรับความจริง แล้วแก้ปัญหาว่าจะทำยังไงเพื่อให้อยู่ได้ โดยหาอะไรที่ถนัดทำเพื่อเสริมรายได้ อาจจะเหนื่อยมากขึ้น แต่ก็ยังมีความสุข" โอ๊ตทิ้งท้าย
อีกหนึ่งสาวที่ "สู้" ไม่แพ้กัน
"ปุ๊ก" น.ส.จุฑาทิพย์ วิสิฐพัฒนาทร อายุ 23 ปี วิศวกรฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ บอกว่า จากนโยบายลดวันการทำงานของโรงงาน ส่งผลให้รายได้ลดลงประมาณ 3,000-4,000 บาท ไม่เพียงแต่ฐานะการเงินเริ่มง่อนแง่น เธอยังอยู่ในภาวะกดดัน กลัวจะเป็นหนึ่งในผู้โชคร้ายที่ถูกปลดออกจากงาน
"ถ้าเศรษฐกิจแย่กว่านี้ แล้วโรงงานมีนโยบายปลดพนักงาน ปุ๊กกลัวว่าจะเป็นหนึ่งในนั้น เพราะถ้าจะต้องเลือกใครสักคนออกจากงาน โรงงานคงจะเก็บคนที่มีประสบการณ์ไว้มากกว่าเด็กใหม่ที่เพิ่งทำงานได้ไม่ถึงปีอย่างปุ๊ก"
ทว่า..ตีตนไปก่อนไข้ก็ใช่เหตุ แต่ชีวิตก็ต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท เธอจึงรวบรวมเงินเก็บมาลงทุนเปิดแผงขายกิ๊บ ที่คาดผมแฟชั่น เพราะเป็นสินค้าที่ใช้เงินลงทุนน้อยและขายง่าย โดยเปิดขายเฉพาะวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่ 06.00-11.00 น.ย่านท่าน้ำคลองสาน และย่านสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์มนตรี ถึงจะเพิ่งเริ่มต้น แต่ก็ได้กำไรงามถึงวันละ 500-600 บาททีเดียว
"ไม่คิดว่าลูกค้าจะเยอะขนาดนี้ ภูมิใจในตัวเองนะ มันทำให้รู้ว่าถ้าตกงานจริงๆ ปุ๊กก็คงไม่อดตาย แค่มีความมุ่งมั่น ขยัน อดทน ก็รอดได้อยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้กังวลอะไร ตั้งใจทั้งงานประจำและงานพิเศษให้ดีที่สุด ถึงลำบากแต่สบายใจ" จุฑาทิพย์บอกอย่างมีความหวัง
ในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ หากสู้และไม่ถอยแบบ 2วิศวะสาว ต้องเน้นย้ำว่า(วิศวะ) huahinhub ก็เชื่อว่าน้องๆนักศึกษาหรือพี่ๆเพื่อนชาวเมืองหัวหิน คงผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้ด้วยดี เช่น 2 สาวนักสู้ ที่นำมาฝากกัน ....สวัสดี
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
นสพ.มติชนรายวัน วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11374 หน้า 25
huahinhub Thanks
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น