

k
บัวผัดแฟคทอรี่ ดีไซน์ ฝ่าวิกฤติ
ดอกทานตะวัน ดอกไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแกร่งไม่เคยหลบแสงอาทิตย์ แม้ว่าจะร้อนแรงปานใด เช่นเดียวกับ "บัวผัดแฟคทอรี่" ธุรกิจล้านนาที่ไม่เคยปัดงาน ปฏิเสธงานหินจนฝ่าฟันวิกฤติได้จน 22 ปี
ดอกทานตะวัน ดอกไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแกร่งไม่เคยหลบแสงอาทิตย์ แม้ว่าจะร้อนแรงปานใด เช่นเดียวกับ "บัวผัดแฟคทอรี่" ธุรกิจล้านนาที่ไม่เคยปัดงาน ปฏิเสธงานหินจนฝ่าฟันวิกฤติได้จน 22 ปี
kk
บัวผัดแฟคทอรี่ คือ ชื่อของผู้ผลิตและส่งออกพรมทอมือ ผลิตภัณฑ์จากเศษผ้าจังหวัดเชียงใหม่ ที่ชื่อเสียงลือไกลไปทั่วโลก ชื่อสุดคลาสสิก ที่แปลว่า "ดอกทานตะวัน" สะท้อนฝีมือเฉิดฉาย...ไม่ธรรมดา ล่าสุด ผลงาน "Part Spaghetti Cotton Pebble" ของชาวบัวผัด หนึ่งในสินค้าไทย ที่ได้รับรางวัล DEmark (Design Excellence Award) ประจำปี 2008 ก็เพิ่งไปคว้ารางวัลออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น Good Design (G-Mark) 2008 มาสดๆ ร้อนๆ ชนะใจกรรมการด้วยการออกแบบสุดครีเอท ประกาศศักยภาพสินค้าดีไซน์จากไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
บัวผัดแฟคทอรี่ คือ ชื่อของผู้ผลิตและส่งออกพรมทอมือ ผลิตภัณฑ์จากเศษผ้าจังหวัดเชียงใหม่ ที่ชื่อเสียงลือไกลไปทั่วโลก ชื่อสุดคลาสสิก ที่แปลว่า "ดอกทานตะวัน" สะท้อนฝีมือเฉิดฉาย...ไม่ธรรมดา ล่าสุด ผลงาน "Part Spaghetti Cotton Pebble" ของชาวบัวผัด หนึ่งในสินค้าไทย ที่ได้รับรางวัล DEmark (Design Excellence Award) ประจำปี 2008 ก็เพิ่งไปคว้ารางวัลออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น Good Design (G-Mark) 2008 มาสดๆ ร้อนๆ ชนะใจกรรมการด้วยการออกแบบสุดครีเอท ประกาศศักยภาพสินค้าดีไซน์จากไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
kkkk
แม้ว่า "วิไล ไพจิตรกาญจนกุล" กรรมการผู้จัดการ หจก. บัวผัดแฟคทอรี่ จะออกตัวว่าธุรกิจของพวกเขาค่อนข้างอนุรักษนิยมอยู่มาก เพราะชอบที่จะโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้หวังร่ำรวย ขอเพียงมีรายได้พออยู่ได้ และรับผิดชอบต่อทีมงานทุกชีวิตได้ก็พอแล้ว แต่การก้าวเคลื่อนธุรกิจให้ตามทันกระแสโลก และไลฟ์สไตล์ลูกค้า ก็เป็นคำตอบสำคัญที่ทำให้แบรนด์บัวผัดไม่ถูกกลืนหายไปตามยุคสมัย นับจากวันเริ่มต้นในปี 2530 จนถึงปัจจุบัน
แม้ว่า "วิไล ไพจิตรกาญจนกุล" กรรมการผู้จัดการ หจก. บัวผัดแฟคทอรี่ จะออกตัวว่าธุรกิจของพวกเขาค่อนข้างอนุรักษนิยมอยู่มาก เพราะชอบที่จะโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้หวังร่ำรวย ขอเพียงมีรายได้พออยู่ได้ และรับผิดชอบต่อทีมงานทุกชีวิตได้ก็พอแล้ว แต่การก้าวเคลื่อนธุรกิจให้ตามทันกระแสโลก และไลฟ์สไตล์ลูกค้า ก็เป็นคำตอบสำคัญที่ทำให้แบรนด์บัวผัดไม่ถูกกลืนหายไปตามยุคสมัย นับจากวันเริ่มต้นในปี 2530 จนถึงปัจจุบัน
kkk
"ไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยน ธุรกิจเราก็ต้องเปลี่ยนตามด้วย นั่นคือสิ่งที่เรามอง เราต้องมองไปข้างหน้า อย่างในอีก 4-5 ปีข้างหน้า มันจะเปลี่ยนไปอย่างไร สินค้าที่ทำออกมาต้องเป็นแบบไหน มันจะทำให้เราไม่หยุดนิ่งและมีของใหม่ออกมาตลอดเวลา อย่ามาจมกับแค่วิกฤติปีสองปีนี้ นี่คือสิ่งที่เราเป็นมาตลอด" นั่นคือ เหตุผลที่ทำให้ เมื่อออกงานแสดงสินค้าครั้งใด ขาช้อปจะได้เห็นสินค้าใหม่ๆ จาก "บัวผัด" อยู่เสมอ
"ไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยน ธุรกิจเราก็ต้องเปลี่ยนตามด้วย นั่นคือสิ่งที่เรามอง เราต้องมองไปข้างหน้า อย่างในอีก 4-5 ปีข้างหน้า มันจะเปลี่ยนไปอย่างไร สินค้าที่ทำออกมาต้องเป็นแบบไหน มันจะทำให้เราไม่หยุดนิ่งและมีของใหม่ออกมาตลอดเวลา อย่ามาจมกับแค่วิกฤติปีสองปีนี้ นี่คือสิ่งที่เราเป็นมาตลอด" นั่นคือ เหตุผลที่ทำให้ เมื่อออกงานแสดงสินค้าครั้งใด ขาช้อปจะได้เห็นสินค้าใหม่ๆ จาก "บัวผัด" อยู่เสมอ
jjjjj
"การออกแบบผลิตภัณฑ์เราไม่ได้กำหนดว่าแต่ละปีจะต้องออกมาบ่อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยเราออกงานแฟร์ปีละ 2-3 ครั้ง คิดแค่ว่าแต่ละครั้งต้องมีของใหม่ออกมา แม้ว่าจะไม่ได้แปลกตาไปมาก แต่ก็ต้องมีของใหม่ ให้คนไม่เบื่อ ซึ่งถ้าขายได้ ก็เป็นอนาคตที่ดีของเรา" สิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นพรสวรรค์ของช่างฝีมือเลือดล้านนา คือ ไอเดียที่ไม่มีวันหมด แก้ได้ทุกโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ และทำให้ปี 2007 "บัวผัดแฟคทอรี่" กวาด 5 รางวัล ยังก์ดีไซเนอร์อวอร์ด จาก 9 รางวัล ในการผลิตผลงานตามการออกแบบของดีไซเนอร์
"การออกแบบผลิตภัณฑ์เราไม่ได้กำหนดว่าแต่ละปีจะต้องออกมาบ่อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยเราออกงานแฟร์ปีละ 2-3 ครั้ง คิดแค่ว่าแต่ละครั้งต้องมีของใหม่ออกมา แม้ว่าจะไม่ได้แปลกตาไปมาก แต่ก็ต้องมีของใหม่ ให้คนไม่เบื่อ ซึ่งถ้าขายได้ ก็เป็นอนาคตที่ดีของเรา" สิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นพรสวรรค์ของช่างฝีมือเลือดล้านนา คือ ไอเดียที่ไม่มีวันหมด แก้ได้ทุกโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ และทำให้ปี 2007 "บัวผัดแฟคทอรี่" กวาด 5 รางวัล ยังก์ดีไซเนอร์อวอร์ด จาก 9 รางวัล ในการผลิตผลงานตามการออกแบบของดีไซเนอร์
hhhhh
"เราจะเก่งมากเรื่องใครให้โจทย์อะไรมาเราจะตีให้หมด เราจะตีให้ได้ เราจะแก้โจทย์ให้ได้" โจทย์หินที่สุดโจทย์หนึ่ง คือ การทำพรมทอมือให้มีลวดลายเช่นก้อนหิน "เวลาได้โจทย์อะไรมา แม้ว่าไม่เคยทำมาก่อน ก็จะไม่ปฏิเสธทันทีว่าทำไม่ได้ เพราะเรามีอีโก้ว่า ฉันเก่ง ฉันทำได้ อย่าง งาน pebble ที่แปลว่า ก้อนหิน งานนี้ยากที่สุด ลูกค้าบอกว่าอยากได้พรมที่มองเหมือนก้อนหิน ทำอย่างไร ล่ะ เราเลยไปเก็บก้อนหินเอามานอนด้วยเลย มองมันทุกวัน ก่อนนอนก็มองมัน ใช้เวลาเป็นเดือนๆ วันหนึ่งก็เอาละเราจะทำดู ก็ไปคุยกับพนักงาน ซึ่งต้องยอมรับว่าเขาเก่ง คนเชียงใหม่จะมีหัวศิลปะ เราเริ่มทำและใช้เวลาอีกหลายเดือน เพราะต้องปรุงต้นแบบอยู่ตลอดเวลา ทำต่อไปให้ดีขึ้นเรื่อยๆ กระบวนการนี้ไม่ถูกต้องก็ต้องปรับเปลี่ยนจนได้ที่ดีที่สุด"
"เราจะเก่งมากเรื่องใครให้โจทย์อะไรมาเราจะตีให้หมด เราจะตีให้ได้ เราจะแก้โจทย์ให้ได้" โจทย์หินที่สุดโจทย์หนึ่ง คือ การทำพรมทอมือให้มีลวดลายเช่นก้อนหิน "เวลาได้โจทย์อะไรมา แม้ว่าไม่เคยทำมาก่อน ก็จะไม่ปฏิเสธทันทีว่าทำไม่ได้ เพราะเรามีอีโก้ว่า ฉันเก่ง ฉันทำได้ อย่าง งาน pebble ที่แปลว่า ก้อนหิน งานนี้ยากที่สุด ลูกค้าบอกว่าอยากได้พรมที่มองเหมือนก้อนหิน ทำอย่างไร ล่ะ เราเลยไปเก็บก้อนหินเอามานอนด้วยเลย มองมันทุกวัน ก่อนนอนก็มองมัน ใช้เวลาเป็นเดือนๆ วันหนึ่งก็เอาละเราจะทำดู ก็ไปคุยกับพนักงาน ซึ่งต้องยอมรับว่าเขาเก่ง คนเชียงใหม่จะมีหัวศิลปะ เราเริ่มทำและใช้เวลาอีกหลายเดือน เพราะต้องปรุงต้นแบบอยู่ตลอดเวลา ทำต่อไปให้ดีขึ้นเรื่อยๆ กระบวนการนี้ไม่ถูกต้องก็ต้องปรับเปลี่ยนจนได้ที่ดีที่สุด"
hhhhh
แม้ว่าใช้เวลานาน แต่เหตุผลที่ไม่ท้อไปเสียก่อน เพราะพวกเขาเชื่อว่า กระบวนการที่ทำได้ สามารถต่อยอดไปเป็นผลิตภัณฑ์ตัวอื่นง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลานับหนึ่งใหม่อีกครั้งหนึ่ง และนี่กลายเป็นคลังภูมิปัญญาที่ส่งไอเดียและฝีมือของผ้าทอแบรนด์บัวผัดที่ได้รับการยอมรับจากตลาดอินเตอร์ที่มีความประณีต วิไล บอกว่า ตั้งแต่เริ่มต้น "บัวผัด" ก็ชัดเจนว่าจะไม่ขายของถูก เพราะเชื่อมั่นว่าพวกเขามีของที่ดีและแปลก คุณภาพเป็นเลิศ นั่นคือที่มาของการปลูกฝังแนวคิด "ดีที่สุด" ให้กับพนักงานทุกคน
แม้ว่าใช้เวลานาน แต่เหตุผลที่ไม่ท้อไปเสียก่อน เพราะพวกเขาเชื่อว่า กระบวนการที่ทำได้ สามารถต่อยอดไปเป็นผลิตภัณฑ์ตัวอื่นง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลานับหนึ่งใหม่อีกครั้งหนึ่ง และนี่กลายเป็นคลังภูมิปัญญาที่ส่งไอเดียและฝีมือของผ้าทอแบรนด์บัวผัดที่ได้รับการยอมรับจากตลาดอินเตอร์ที่มีความประณีต วิไล บอกว่า ตั้งแต่เริ่มต้น "บัวผัด" ก็ชัดเจนว่าจะไม่ขายของถูก เพราะเชื่อมั่นว่าพวกเขามีของที่ดีและแปลก คุณภาพเป็นเลิศ นั่นคือที่มาของการปลูกฝังแนวคิด "ดีที่สุด" ให้กับพนักงานทุกคน
hhhhh
"เราจะสอนลูกน้องเสมอว่า เวลาเราขายของ เรายังอยากได้เงินดีๆ จากลูกค้า อย่าว่าแต่เงินปลอมเลย แค่เงินฉีกเราก็ไม่อยากได้ ดังนั้น สินค้าของเราก็ต้องดีด้วย เราคิดอย่างไรก็ต้องให้คนอื่นอย่างนั้น นั่นคือเหตุผลที่บัวผัดต้องทำดี จน "ดีที่สุด" และความดีที่สุดมันไม่มีจุดสิ้นสุด เราสามารถดีขึ้นได้ทุกวัน แม้เพียงน้อยนิดแต่ก็ต้องทำ อาจจะช้าแต่เราก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ต้องดีขึ้นไปเรื่อยๆ"
"เราจะสอนลูกน้องเสมอว่า เวลาเราขายของ เรายังอยากได้เงินดีๆ จากลูกค้า อย่าว่าแต่เงินปลอมเลย แค่เงินฉีกเราก็ไม่อยากได้ ดังนั้น สินค้าของเราก็ต้องดีด้วย เราคิดอย่างไรก็ต้องให้คนอื่นอย่างนั้น นั่นคือเหตุผลที่บัวผัดต้องทำดี จน "ดีที่สุด" และความดีที่สุดมันไม่มีจุดสิ้นสุด เราสามารถดีขึ้นได้ทุกวัน แม้เพียงน้อยนิดแต่ก็ต้องทำ อาจจะช้าแต่เราก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ต้องดีขึ้นไปเรื่อยๆ"
hhhhh
นอกจากขยันคิดตอบโจทย์ลูกค้า ในแนวทางที่ต้อง "ดีที่สุด" วิไล บอกว่า การทำธุรกิจในแบบของบัวผัด ยังยึดหลักง่ายๆ แค่ "ซื่อตรงและจริงใจ" กับลูกค้ามากที่สุด โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติแบบนี้ "สิ่งที่เรายึดมาตลอด คือ การให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับลูกค้า เราพูดตรงๆ จะได้ไม่มีปัญหากัน สิ่งที่เกิดขึ้นกับสินค้าเชียงใหม่สมัยก่อน อย่างลูกค้าซื้อเสื้อไป ถามว่าสีตกไหม บอกว่าไม่ตก หดไหมบอกว่าไม่หด ปรากฏทั้งสีตกทั้งหด ลูกค้าก็โกรธ เรามองว่าทำไมไม่บอกตรงๆ เพราะเขาจะได้ไปดูแลเสื้อที่ซื้อไปเป็นพิเศษ อย่างสินค้าของเราขายลูกค้าเก่าอยู่ ลูกค้าใหม่เข้ามาก็ซื้อไม่ได้ เราพูดตรงๆ ว่าตอนนี้เศรษฐกิจมันไม่ดี ถ้าลูกค้ามาในมือเราต้องเอาไว้ แต่ขอเจรจากับลูกค้าเก่าก่อนว่ายอมให้หรือไม่ ซื่อตรง บอกตรงๆ ว่า ที่รับคุณเพราะเศรษฐกิจไม่ดีนะ นี่มันเรื่องจริง ถ้าเราพูดตรงกับเขา มันจะไม่เสียอะไร คือ ลูกค้าอาจจะโกรธ แต่เขาเข้าใจเรา น่าจะเป็นอีกข้อหนึ่งที่เราอยู่มาได้นานขนาดนี้"
นอกจากขยันคิดตอบโจทย์ลูกค้า ในแนวทางที่ต้อง "ดีที่สุด" วิไล บอกว่า การทำธุรกิจในแบบของบัวผัด ยังยึดหลักง่ายๆ แค่ "ซื่อตรงและจริงใจ" กับลูกค้ามากที่สุด โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติแบบนี้ "สิ่งที่เรายึดมาตลอด คือ การให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับลูกค้า เราพูดตรงๆ จะได้ไม่มีปัญหากัน สิ่งที่เกิดขึ้นกับสินค้าเชียงใหม่สมัยก่อน อย่างลูกค้าซื้อเสื้อไป ถามว่าสีตกไหม บอกว่าไม่ตก หดไหมบอกว่าไม่หด ปรากฏทั้งสีตกทั้งหด ลูกค้าก็โกรธ เรามองว่าทำไมไม่บอกตรงๆ เพราะเขาจะได้ไปดูแลเสื้อที่ซื้อไปเป็นพิเศษ อย่างสินค้าของเราขายลูกค้าเก่าอยู่ ลูกค้าใหม่เข้ามาก็ซื้อไม่ได้ เราพูดตรงๆ ว่าตอนนี้เศรษฐกิจมันไม่ดี ถ้าลูกค้ามาในมือเราต้องเอาไว้ แต่ขอเจรจากับลูกค้าเก่าก่อนว่ายอมให้หรือไม่ ซื่อตรง บอกตรงๆ ว่า ที่รับคุณเพราะเศรษฐกิจไม่ดีนะ นี่มันเรื่องจริง ถ้าเราพูดตรงกับเขา มันจะไม่เสียอะไร คือ ลูกค้าอาจจะโกรธ แต่เขาเข้าใจเรา น่าจะเป็นอีกข้อหนึ่งที่เราอยู่มาได้นานขนาดนี้"
hhhh
สถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ หลายคนอาจกำลังทดท้อ และไม่กล้าขยับตัวทำอะไร สำหรับบัวผัด พวกเขาเชื่อว่า ยิ่งอยู่เฉยๆ จะยิ่งอันตราย "บอกทุกคนว่า เศรษฐกิจแบบนี้ จะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ถ้าเราหายไปลูกค้าจะคิดว่าเราตายไปแล้ว ฉะนั้นเราจะท้อไม่ได้" นั่นทำให้ขณะที่ทุกคนเลือกหยุดนิ่ง หาก "บัวผัด" ยังคงออกเดินทาง เพื่อแสวงหาลูกค้าใหม่ๆ
สถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ หลายคนอาจกำลังทดท้อ และไม่กล้าขยับตัวทำอะไร สำหรับบัวผัด พวกเขาเชื่อว่า ยิ่งอยู่เฉยๆ จะยิ่งอันตราย "บอกทุกคนว่า เศรษฐกิจแบบนี้ จะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ถ้าเราหายไปลูกค้าจะคิดว่าเราตายไปแล้ว ฉะนั้นเราจะท้อไม่ได้" นั่นทำให้ขณะที่ทุกคนเลือกหยุดนิ่ง หาก "บัวผัด" ยังคงออกเดินทาง เพื่อแสวงหาลูกค้าใหม่ๆ
ggggg
"ในหลายประเทศเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังมีลูกค้าอีกจำนวนมากที่ไม่รู้จักเรา เพราะฉะนั้นในวิกฤติที่เกิดขึ้นนี้ ยังมีลูกค้าที่รอเราอยู่ เราต้องพยายามเข้าไปหาลูกค้ากลุ่มนี้ สินค้าเราค่อนข้างเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ เป็นสินค้ายูนีค ลูกค้ามีทั่วทุกมุมโลก เจอวิกฤติไม่ใช่ต้องหยุด ยังมีลูกค้าที่มองไม่เห็นเรา และเราก็ยังไม่เห็นลูกค้า ต่างคนต่างยังไม่ได้ไปเจอกัน เพราะฉะนั้นตรงนี้ทำให้เรายังไม่ยอมแพ้"
"ในหลายประเทศเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังมีลูกค้าอีกจำนวนมากที่ไม่รู้จักเรา เพราะฉะนั้นในวิกฤติที่เกิดขึ้นนี้ ยังมีลูกค้าที่รอเราอยู่ เราต้องพยายามเข้าไปหาลูกค้ากลุ่มนี้ สินค้าเราค่อนข้างเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ เป็นสินค้ายูนีค ลูกค้ามีทั่วทุกมุมโลก เจอวิกฤติไม่ใช่ต้องหยุด ยังมีลูกค้าที่มองไม่เห็นเรา และเราก็ยังไม่เห็นลูกค้า ต่างคนต่างยังไม่ได้ไปเจอกัน เพราะฉะนั้นตรงนี้ทำให้เรายังไม่ยอมแพ้"
hhhhh
อีกหนึ่งตัวอย่างการปรับตัวของผู้ประกอบการไทยที่มี "ดีไซน์" เป็นธงนำฝ่าวิกฤติ กับแนวคิดเฉียบๆ ที่ผู้บริหารฝากทิ้งท้ายไว้ว่า "ทำอะไรเราต้องนับหนึ่งก่อน เดินทางร้อยลี้มีก้าวที่หนึ่งเสมอ ไม่ใช่ต้องใหญ่โตทันที"
อีกหนึ่งตัวอย่างการปรับตัวของผู้ประกอบการไทยที่มี "ดีไซน์" เป็นธงนำฝ่าวิกฤติ กับแนวคิดเฉียบๆ ที่ผู้บริหารฝากทิ้งท้ายไว้ว่า "ทำอะไรเราต้องนับหนึ่งก่อน เดินทางร้อยลี้มีก้าวที่หนึ่งเสมอ ไม่ใช่ต้องใหญ่โตทันที"
๐ ไม่หยุดยิ่ง มีของใหม่ตลอดเวลา
๐ ทุกไอเดียคือคลังภูมิปัญญาต่อยอดสินค้า
๐ ไม่ปฏิเสธลูกค้าว่า "ทำไม่ได้"
๐ ทำอะไรต้อง "ดีที่สุด"
๐ ซื่อสัตย์ ซื่อตรง จริงใจ กับลูกค้า
๐ เศรษฐกิจไม่ดีอย่าหยุดเดิน หาลูกค้าใหม่เสมอ
hhhh
hhhh
ต้นกำเนิด “บัวผัด”
"บัวผัด" ในภาษาเหนือ แปลว่า ดอกทานตะวัน "วิไล ไพจิตรกาญจนกุล" บอกว่า มาจากชื่อของคุณแม่ โดยในตอนที่คุณพ่อซึ่งเป็นครูสอนออกแบบทอผ้า คิดเปิดร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ใช้ชื่อของคุณแม่มาตั้งว่า "บัวผัดพานิช" ด้วยเหตุผลซึ้งๆ สุดโรแมนติกอย่าง "อั้วจะตั้งชื่อร้านเหมือนชื่อลื้อ...เพราะอั้วรักลื้อ" สะท้อนถึงความรักที่พ่อมีต่อแม่ ตั้งแต่นั้นมา ชื่อ "บัวผัด" ก็ถูกลูกสาวที่รักทั้งพ่อและแม่มากเช่นเดียวกัน นำมาตั้งเป็น "บัวผัดแฟคทอรี่" ต่อยอดธุรกิจจากความรักให้เติบใหญ่เฉกเช่นทุกวันนี้...
"บัวผัด" ในภาษาเหนือ แปลว่า ดอกทานตะวัน "วิไล ไพจิตรกาญจนกุล" บอกว่า มาจากชื่อของคุณแม่ โดยในตอนที่คุณพ่อซึ่งเป็นครูสอนออกแบบทอผ้า คิดเปิดร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ใช้ชื่อของคุณแม่มาตั้งว่า "บัวผัดพานิช" ด้วยเหตุผลซึ้งๆ สุดโรแมนติกอย่าง "อั้วจะตั้งชื่อร้านเหมือนชื่อลื้อ...เพราะอั้วรักลื้อ" สะท้อนถึงความรักที่พ่อมีต่อแม่ ตั้งแต่นั้นมา ชื่อ "บัวผัด" ก็ถูกลูกสาวที่รักทั้งพ่อและแม่มากเช่นเดียวกัน นำมาตั้งเป็น "บัวผัดแฟคทอรี่" ต่อยอดธุรกิจจากความรักให้เติบใหญ่เฉกเช่นทุกวันนี้...
hh
ขอบคุณข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ โดย : จีราวัฒน์ คงแก้ว
huahinhub Thanks
hhhh
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น