

บ้านนอกโกอินเตอร์
แกะรอยว่าที่ ด็อกเตอร์ เจษฎา ศาลาทอง จากญี่ปุ่น 10 ปี 10 ประเทศ 10 ทุน เขาทำได้อย่างไร ทั้งที่นิยามตัวเองว่าเป็นแค่ "เด็กบ้านนอก" ธรรมดาๆ
hhhhh
การเปิดโลกกว้างหรือเปิดโอกาสในการเรียนรู้ให้แก่ตัวเอง ทำได้หลายทาง บางคนผ่านการอ่านหนังสือหรือกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย แต่บางคนใช้การเดินทางเป็นประตูสู่การเรียนรู้นั้น และทำได้โดยไม่ได้ควักเงินจากกระเป๋าของตัวเอง การเดินทางไปต่างประเทศในวาระโอกาสต่างๆ ต้องใช้จ่ายเงินไม่น้อย หากยังอยู่ในวัยเรียนต้องรับการสนับสนุนจากครอบครัวหรือทำงานพิเศษเก็บเงินเก็บทองด้วยตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีช้อยท์ให้เลือกอีกแล้ว เพราะมีบางคนเดินทางอย่างนั้นมา ไม่มากไม่น้อย แค่ 10 ปี 10 ประเทศเท่านั้นเอง โดยมีคนออกทุนเดินทางและการกินอยู่ให้ด้วย
การเปิดโลกกว้างหรือเปิดโอกาสในการเรียนรู้ให้แก่ตัวเอง ทำได้หลายทาง บางคนผ่านการอ่านหนังสือหรือกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย แต่บางคนใช้การเดินทางเป็นประตูสู่การเรียนรู้นั้น และทำได้โดยไม่ได้ควักเงินจากกระเป๋าของตัวเอง การเดินทางไปต่างประเทศในวาระโอกาสต่างๆ ต้องใช้จ่ายเงินไม่น้อย หากยังอยู่ในวัยเรียนต้องรับการสนับสนุนจากครอบครัวหรือทำงานพิเศษเก็บเงินเก็บทองด้วยตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีช้อยท์ให้เลือกอีกแล้ว เพราะมีบางคนเดินทางอย่างนั้นมา ไม่มากไม่น้อย แค่ 10 ปี 10 ประเทศเท่านั้นเอง โดยมีคนออกทุนเดินทางและการกินอยู่ให้ด้วย
hhhhh
เจษฎา ศาลาทอง ปัจจุบันเป็นนักเรียนทุนศึกษาระดับปริญญาเอกโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ในหลักสูตร PhD Programme in International Studies, Graduate School of Asia Pacific Studies (GSAPS), มหาวิทยาลัยวเซดะ เขาจบปริญญาตรี ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนปริญญาโทและปริญญาเอกที่ศึกษาอยู่ในปัจจุบันนี้ได้รับทุนต่อเนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่น
เจษฎา ศาลาทอง ปัจจุบันเป็นนักเรียนทุนศึกษาระดับปริญญาเอกโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ในหลักสูตร PhD Programme in International Studies, Graduate School of Asia Pacific Studies (GSAPS), มหาวิทยาลัยวเซดะ เขาจบปริญญาตรี ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนปริญญาโทและปริญญาเอกที่ศึกษาอยู่ในปัจจุบันนี้ได้รับทุนต่อเนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่น
hhhhh
เขาเคยเป็นผู้สื่อข่าวในเครือเนชั่นอยู่ราว 4 ปี เคยเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ เคยทำเว็บไซต์ ผ่านการฝึกงานและทำงานมากมาย ปัจจุบันเรียนระดับปริญญาเอกเขายังมีงานสอนภาษาไทยเป็นจ๊อบอยู่ที่ญี่ปุ่น
hhhh
เขาเคยเป็นผู้สื่อข่าวในเครือเนชั่นอยู่ราว 4 ปี เคยเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ เคยทำเว็บไซต์ ผ่านการฝึกงานและทำงานมากมาย ปัจจุบันเรียนระดับปริญญาเอกเขายังมีงานสอนภาษาไทยเป็นจ๊อบอยู่ที่ญี่ปุ่น
hhhh
ในครั้งที่เขาได้ไปแบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้สนใจฟังที่ทีเคปาร์คใน 'โครงการต้นกล้าแห่งอนาคต' เมื่อเร็วๆ นี้ เขาให้นิยามตัวเองว่าเป็น 'เด็กบ้านนอก' จึงทำให้คนฟังหูผึ่งว่า ไม่ต้องเป็นคุณหนู มีคุณพ่อคุณแม่มีเงินถุงเงินถัง ถึงจะมีโอกาสอย่างเขา แต่ก็ไม่ใช่เป็นเด็กบ้านนอกและรอฟ้าประทาน เพราะเส้นทาง 10 ปี 10 ประเทศของเขานั้น ต้องใช้วิทยายุทธ์ จะเรียกว่าไม่น้อยไม่ได้ เพราะต้องใช้อย่างมากกันเลยทีเดียว
กำเนิดเด็กบ้านนอก
กำเนิดเด็กบ้านนอก
hhhhh
"ผมเกิดอุบลฯ ครับ ถ้าถามว่าเป็นคนจังหวัดอะไรตอบยาก เพราะโตที่นครสวรรค์ และเรียนที่ชัยนาท พอจะเข้ามหาวิทยาลัย ก็เรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ก็ยังไม่ถึงกรุงเทพฯ ดี เอนทรานซ์ติดหลังสอบเทียบได้ตอนอายุ 16 ปี" เจษ เล่าที่มาของเด็กบ้านนอกว่าอย่างนั้น ความสำคัญอยู่ตรงนี้ "เรียนต่างจังหวัดมาตลอด แม้จะอยู่ในระดับต้นๆ เมื่อเทียบกับในกรุงเทพฯก็ไม่ถือว่าดีมาก ถือว่าใช้ได้ เกรดเฉลี่ย 4.00 ตอนเข้ามหาวิทยาลัยปีแรกได้เกรด 2.5 เกรดไม่ดีในช่วงแรก ด้วยความที่เข้าไปเรียนตอนอายุน้อย แล้วก็ยังปรับตัวไม่ได้ แต่พอปีสองเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เรียนเชิงลึกของสาขาและประยุกต์ อย่างการจัดการสิ่งแวดล้อม เราจะชอบอย่างนั้นมากกว่า เกรดก็ขึ้นเป็น 3.8 พอถัวเฉลี่ยไปมา ตอนจบจึงได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง"
"ผมเกิดอุบลฯ ครับ ถ้าถามว่าเป็นคนจังหวัดอะไรตอบยาก เพราะโตที่นครสวรรค์ และเรียนที่ชัยนาท พอจะเข้ามหาวิทยาลัย ก็เรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ก็ยังไม่ถึงกรุงเทพฯ ดี เอนทรานซ์ติดหลังสอบเทียบได้ตอนอายุ 16 ปี" เจษ เล่าที่มาของเด็กบ้านนอกว่าอย่างนั้น ความสำคัญอยู่ตรงนี้ "เรียนต่างจังหวัดมาตลอด แม้จะอยู่ในระดับต้นๆ เมื่อเทียบกับในกรุงเทพฯก็ไม่ถือว่าดีมาก ถือว่าใช้ได้ เกรดเฉลี่ย 4.00 ตอนเข้ามหาวิทยาลัยปีแรกได้เกรด 2.5 เกรดไม่ดีในช่วงแรก ด้วยความที่เข้าไปเรียนตอนอายุน้อย แล้วก็ยังปรับตัวไม่ได้ แต่พอปีสองเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เรียนเชิงลึกของสาขาและประยุกต์ อย่างการจัดการสิ่งแวดล้อม เราจะชอบอย่างนั้นมากกว่า เกรดก็ขึ้นเป็น 3.8 พอถัวเฉลี่ยไปมา ตอนจบจึงได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง"
hhhhh
เจษ เล่าต่อว่า เขาชอบวิชาที่เกี่ยวกับภาษามาก ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรก็ตาม เจ้าตัวว่าถ้าวิชาที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าภาษาเขาจะต้องเรียนได้เกรดเอ แต่ถ้าเป็นพวกฟิสิกส์หรือวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ต่างๆ ถึงขั้นดีด็อกกันเลยทีเลย "ชอบเรื่องภาษา เป็นส่วนหนึ่งให้มีโอกาสขอทุนไปต่างประเทศบ่อยๆ" เจษ มาเฉลยตอนนี้เลย ว่าที่มาในการเดินทางไปต่างประเทศของเขา บางประเทศอยู่เป็นเดือนๆ บางประเทศก็เป็นปีนั้น เพราะเขาขยันหาข้อมูลติดตามข่าวสารหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่มักจะให้ทุนนักศึกษาได้ไปต่างประเทศในโอกาสต่างๆ เสมอ ทั้งไปประชุมบ้าง ไปแลกเปลี่ยนบ้าง หรืออย่างที่เขาไปนานๆ ก็ไปเรียนต่อระดับปริญญาโทและเอกที่เขากำลังเรียนอยู่นี้เอง
เจษ เล่าต่อว่า เขาชอบวิชาที่เกี่ยวกับภาษามาก ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรก็ตาม เจ้าตัวว่าถ้าวิชาที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าภาษาเขาจะต้องเรียนได้เกรดเอ แต่ถ้าเป็นพวกฟิสิกส์หรือวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ต่างๆ ถึงขั้นดีด็อกกันเลยทีเลย "ชอบเรื่องภาษา เป็นส่วนหนึ่งให้มีโอกาสขอทุนไปต่างประเทศบ่อยๆ" เจษ มาเฉลยตอนนี้เลย ว่าที่มาในการเดินทางไปต่างประเทศของเขา บางประเทศอยู่เป็นเดือนๆ บางประเทศก็เป็นปีนั้น เพราะเขาขยันหาข้อมูลติดตามข่าวสารหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่มักจะให้ทุนนักศึกษาได้ไปต่างประเทศในโอกาสต่างๆ เสมอ ทั้งไปประชุมบ้าง ไปแลกเปลี่ยนบ้าง หรืออย่างที่เขาไปนานๆ ก็ไปเรียนต่อระดับปริญญาโทและเอกที่เขากำลังเรียนอยู่นี้เอง
hhhhh
10 ปี 10 ประเทศ 10 ทุน
"10 ปี 10 ประเทศ 10 ทุน เริ่มต้นครั้งแรกตั้งแต่ ปี 1998 จนถึง 2008 ผมขอทุนไปประเทศต่างๆ ประมาณ 10 ประเทศ มีซ้ำกันบ้าง อย่างออสเตรเลีย ไป 2 ครั้ง ฟิลิปปินส์ 2 ครั้ง ญี่ปุ่น 2 ครั้ง ทุน ไม่ใช่เฉพาะทุนเรียนต่อระยะยาว ตอนเริ่มขอทุนเรียนอยู่ปริญญาตรี ก็มักจะเป็นทุนระยะสั้น ประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ เป็นทุนไปแลกเปลี่ยนหรือไปประชุม ไปทัศนศึกษา ตอนระยะเวลา 10 ปี 10 ทุน"
10 ปี 10 ประเทศ 10 ทุน
"10 ปี 10 ประเทศ 10 ทุน เริ่มต้นครั้งแรกตั้งแต่ ปี 1998 จนถึง 2008 ผมขอทุนไปประเทศต่างๆ ประมาณ 10 ประเทศ มีซ้ำกันบ้าง อย่างออสเตรเลีย ไป 2 ครั้ง ฟิลิปปินส์ 2 ครั้ง ญี่ปุ่น 2 ครั้ง ทุน ไม่ใช่เฉพาะทุนเรียนต่อระยะยาว ตอนเริ่มขอทุนเรียนอยู่ปริญญาตรี ก็มักจะเป็นทุนระยะสั้น ประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ เป็นทุนไปแลกเปลี่ยนหรือไปประชุม ไปทัศนศึกษา ตอนระยะเวลา 10 ปี 10 ทุน"
hhhhh
อย่างที่ เจษ บอกไว้แต่แรกว่าเขาไม่ใช่คนเรียนดี แม้ว่าจะได้เกรดเฉลี่ยสูงถึง 4.00 ก็ตาม แต่อาศัยมีความชอบด้านภาษา มีภาษาอังกฤษเป็นพื้น ทำให้เขามีโอกาสสมัครเข้าคัดเลือกเพื่อรับทุนต่างๆ เพราะคุณสมบัติแรกคือ ภาษาอังกฤษต้องดี ส่วนเกรดเฉลี่ยบางทุนก็ไม่ได้ระบุ ทุนแรกที่ส่งให้เขาได้ไปเรียนรู้โลกให้กว้างกว่าเคยเริ่มต้นเมื่อครั้งเขาอายุ 17 ปี และก็มาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องยาวนานมา 10 ปี
อย่างที่ เจษ บอกไว้แต่แรกว่าเขาไม่ใช่คนเรียนดี แม้ว่าจะได้เกรดเฉลี่ยสูงถึง 4.00 ก็ตาม แต่อาศัยมีความชอบด้านภาษา มีภาษาอังกฤษเป็นพื้น ทำให้เขามีโอกาสสมัครเข้าคัดเลือกเพื่อรับทุนต่างๆ เพราะคุณสมบัติแรกคือ ภาษาอังกฤษต้องดี ส่วนเกรดเฉลี่ยบางทุนก็ไม่ได้ระบุ ทุนแรกที่ส่งให้เขาได้ไปเรียนรู้โลกให้กว้างกว่าเคยเริ่มต้นเมื่อครั้งเขาอายุ 17 ปี และก็มาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องยาวนานมา 10 ปี
hhhh
"ครั้งแรก 1998 ได้ทุนกับสหประชาชาติ เป็นยุวทูตสิ่งแวดล้อม ดูงานที่เดนมาร์ก เยอรมนี 1 เดือน ครั้งที่สองไปกับคาเธ่ย์แปซิฟิค ไปอเมริกาใต้ และ ฮ่องกง จากนั้นไปญี่ปุ่น 1 เดือน ปี 2000 เก็บหมด ฮอกไกโด เกียวโต โอซากา โตเกียว ฮิโรชิมา ทุนของไจกา องค์กรร่วมกันพัฒนาของญี่ปุ่น ถัดจากนั้นก็มีไปออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ ทุนแลกเปลี่ยนเกาหลีใต้กับอาเซียน ปี 2003, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย สิงคโปร์ กลับมาญี่ปุ่นอีกครั้ง"
"ครั้งแรก 1998 ได้ทุนกับสหประชาชาติ เป็นยุวทูตสิ่งแวดล้อม ดูงานที่เดนมาร์ก เยอรมนี 1 เดือน ครั้งที่สองไปกับคาเธ่ย์แปซิฟิค ไปอเมริกาใต้ และ ฮ่องกง จากนั้นไปญี่ปุ่น 1 เดือน ปี 2000 เก็บหมด ฮอกไกโด เกียวโต โอซากา โตเกียว ฮิโรชิมา ทุนของไจกา องค์กรร่วมกันพัฒนาของญี่ปุ่น ถัดจากนั้นก็มีไปออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ ทุนแลกเปลี่ยนเกาหลีใต้กับอาเซียน ปี 2003, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย สิงคโปร์ กลับมาญี่ปุ่นอีกครั้ง"
hhhhh
เขารับทุนไปมาหลายประเทศ และหลายภารกิจ หากจะต้องใช้เวลาอยู่ในประเทศใดเนิ่นนาน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ สามารถช่วยพัฒนาให้ทริปสั้นๆ หรือทริปยาวๆ นั้น มีคุณค่าขึ้นมาฉับพลัน อย่างหนึ่งคือการเลือกหอพัก ที่เขาพยายามเลือกให้มีหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ใช่เลือกเฉพาะที่มีคนไทยเท่านั้นหรือเลือกเฉพาะที่มีแต่ชาติเจ้าถิ่น ถ้าอยู่ในหอพักหรือกลุ่มเพื่อนที่หลากหลายก็เป็นการเพิ่มโอกาสให้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆ มากขึ้น
เขารับทุนไปมาหลายประเทศ และหลายภารกิจ หากจะต้องใช้เวลาอยู่ในประเทศใดเนิ่นนาน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ สามารถช่วยพัฒนาให้ทริปสั้นๆ หรือทริปยาวๆ นั้น มีคุณค่าขึ้นมาฉับพลัน อย่างหนึ่งคือการเลือกหอพัก ที่เขาพยายามเลือกให้มีหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ใช่เลือกเฉพาะที่มีคนไทยเท่านั้นหรือเลือกเฉพาะที่มีแต่ชาติเจ้าถิ่น ถ้าอยู่ในหอพักหรือกลุ่มเพื่อนที่หลากหลายก็เป็นการเพิ่มโอกาสให้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆ มากขึ้น
hhhh
นอกจากนี้สิ่งที่เขาแนะนำ หากมีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ คือ ขอให้เดินทางท่องเที่ยว
"การท่องเที่ยวคือการออกไปดูโลกดูประเทศนั้นๆ สำหรับผมการไปต่างประเทศจุดประสงค์สูงสุดยังไม่ใช่การได้ปริญญากลับมา แต่การเปิดโลกทัศน์นั้น คือ การศึกษาที่แท้จริง นั่นคือสิ่งที่ทำตลอด อย่างตอนที่ผมอยู่ญี่ปุ่น ผมก็จะท่องเที่ยว ทำกิจกรรมต่างๆ ไปดูหลายๆ อย่าง"
นอกจากนี้สิ่งที่เขาแนะนำ หากมีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ คือ ขอให้เดินทางท่องเที่ยว
"การท่องเที่ยวคือการออกไปดูโลกดูประเทศนั้นๆ สำหรับผมการไปต่างประเทศจุดประสงค์สูงสุดยังไม่ใช่การได้ปริญญากลับมา แต่การเปิดโลกทัศน์นั้น คือ การศึกษาที่แท้จริง นั่นคือสิ่งที่ทำตลอด อย่างตอนที่ผมอยู่ญี่ปุ่น ผมก็จะท่องเที่ยว ทำกิจกรรมต่างๆ ไปดูหลายๆ อย่าง"
hhhh
โลกที่กว้างขึ้นเป็นแรงดึงดูดให้คนเดินทาง และบางครั้งมิตรภาพในพื้นที่เล็กๆ อย่างในบ้านสักหลังหนึ่งก็มีอิทธิพลมหาศาลได้เช่นกัน "ผมไปอยู่กับครอบครัวญี่ปุ่น เป็นโฮสแฟมิลี่ ตอนได้ทุนไปญี่ปุ่นครั้งแรก 1 เดือน มีเวลา 2-3 วัน ที่ได้ไปอยู่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ไปอยู่กับโฮสแฟมิลี่ ตอนจะกลับร้องห่มร้องไห้กันมากมาย ผมสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมเขา ตอนนั้นก็รู้สึกว่ามันมีความหวังที่ริบหรี่มากที่จะได้กลับไป แต่ผมก็ไม่ละทิ้งความฝัน ติดต่อเขาตลอด 10 ปี ส่งการ์ดคริสต์มาส ปีใหม่ ให้กันตลอด โดยไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกไหม
ggggg
สุดท้ายปีที่แล้วตอนจบปริญญาโท เราเรียนจบแล้ว โดยมีกำลังใจจากพวกเขาสนับสนุนเรามาตลอด 10 ปี ก็เลยไปเยี่ยมเขาอีก ก็ได้รับการต้อนรับเราอย่างอบอุ่น ดูแลเราอย่างดีไม่เปลี่ยนแปลง นี่คือสิ่งที่ได้จากการได้ทุน ไปอยู่ตอนนั้น 3 วัน เราพูดญี่ปุ่นไม่ได้ด้วย เขาพูดภาษาอังกฤษแบบแทบไม่ได้เลย การสื่อสารบางครั้งไม่จำเป็นต้องทำด้วยภาษาอย่างเดียว"
ggggg
ทุนอยู่ในทุกที่
ทุนมี 3 รูปแบบ ทุนแบบแรก เป็นทุนรัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่จะมอบให้ต่างประเทศไปศึกษาในประเทศของเขา ถัดมาจะเป็นทุนของหน่วยงานรัฐ อย่างทุนของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ. และทุนจากหน่วยงานเอกชน
ทุนอยู่ในทุกที่
ทุนมี 3 รูปแบบ ทุนแบบแรก เป็นทุนรัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่จะมอบให้ต่างประเทศไปศึกษาในประเทศของเขา ถัดมาจะเป็นทุนของหน่วยงานรัฐ อย่างทุนของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ. และทุนจากหน่วยงานเอกชน
hhhhh
เจษ มีวิธีเลือกทุนดังนี้
เจษ มีวิธีเลือกทุนดังนี้
"ดูว่าประเทศให้ทุน ตรงนี้มีหลายประเทศ ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น รัฐบาลอังกฤษ รัฐบาลสหรัฐ ออสเตรเลียก็มี ถ้าเป็นของยุโรปก็มี แต่ละทุนจะมีคุณสมบัติที่ต่างกัน ถ้าเป็นทุนของญี่ปุ่นจะต้องได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเท่านั้น ทุนอังกฤษ ไม่ได้กำหนดอย่างนั้น แต่ต้องมีเกรดเฉลี่ย 2.5 ขึ้นไป ต้องมีผลสอบภาษาอังกฤษ ส่วนของยุโรปไม่ค่อยมีข้อกำหนดมากเท่าไร แต่ต้องไปเรียนภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น เนเธอร์แลนด์ ฮังการี เป็นต้น"
ggggg
สำหรับตัวเขาเอง เขาเลือกทุนที่ไม่มีข้อผูกมัดเรื่องการกลับมาใช้ทุน แต่ถ้ามีบางคนต้องการแหล่งทุนที่กลับมาแล้วมีงานรองรับแน่นอน เขาแนะนำให้ติดต่อทุนของ ก.พ. ทุนส่วนใหญ่จะเป็นต่อปริญญาตรีหรือโทหรือเอก แต่สำหรับน้องๆ ที่จบมัธยมต้น มีทุนของ ก.พ.และรัฐบาลญี่ปุ่นบางทุนให้ตั้งแต่มัธยมปลายและปริญญาตรีจนถึงเอกก็มี
สำหรับตัวเขาเอง เขาเลือกทุนที่ไม่มีข้อผูกมัดเรื่องการกลับมาใช้ทุน แต่ถ้ามีบางคนต้องการแหล่งทุนที่กลับมาแล้วมีงานรองรับแน่นอน เขาแนะนำให้ติดต่อทุนของ ก.พ. ทุนส่วนใหญ่จะเป็นต่อปริญญาตรีหรือโทหรือเอก แต่สำหรับน้องๆ ที่จบมัธยมต้น มีทุนของ ก.พ.และรัฐบาลญี่ปุ่นบางทุนให้ตั้งแต่มัธยมปลายและปริญญาตรีจนถึงเอกก็มี
ggggg
เจษ พูดถึงวิธีให้ทุนของบางประเทศ และเทรนด์การให้ทุนของประเทศต่างๆ ว่า
"เศรษฐกิจโลกปัจจุบัน แต่ละทุนมีแนวโน้ม ทั้งในเชิงปริมาณทุนและปริมาณเงิน ก็จะน้อยลง ญี่ปุ่นจะเหลือ 40-50 ทุน จำนวนเงินก็จะลดลงด้วย จากแต่ก่อนเคยให้เดือนละ 1.8 แสนเยน ตอนนี้ปรับลดลงเรื่อยๆ 1.6 แสนเยน และได้ยินมาว่าจะตัดลดลงเหลือ 1.5 แสนเยน เป็นเทรนด์ของทั่วโลก แต่ระยะหลังมีประเทศเกิดใหม่และพัฒนาแล้วอย่างประเทศไต้หวันหรือเกาหลี ก็เริ่มให้ทุนมากขึ้น แม้ประเทศหลักๆ จะตัดลดแล้ว แต่ก็มีประเทศใหม่ๆ ให้มากขึ้น จำนวนจึงไม่ได้ลดไปมาก"
"เศรษฐกิจโลกปัจจุบัน แต่ละทุนมีแนวโน้ม ทั้งในเชิงปริมาณทุนและปริมาณเงิน ก็จะน้อยลง ญี่ปุ่นจะเหลือ 40-50 ทุน จำนวนเงินก็จะลดลงด้วย จากแต่ก่อนเคยให้เดือนละ 1.8 แสนเยน ตอนนี้ปรับลดลงเรื่อยๆ 1.6 แสนเยน และได้ยินมาว่าจะตัดลดลงเหลือ 1.5 แสนเยน เป็นเทรนด์ของทั่วโลก แต่ระยะหลังมีประเทศเกิดใหม่และพัฒนาแล้วอย่างประเทศไต้หวันหรือเกาหลี ก็เริ่มให้ทุนมากขึ้น แม้ประเทศหลักๆ จะตัดลดแล้ว แต่ก็มีประเทศใหม่ๆ ให้มากขึ้น จำนวนจึงไม่ได้ลดไปมาก"
hhhhh
เขาแนะต่อถึงวิธีการควานหาทุน ก็คือ เข้าไปดูในเว็บไซต์ของแต่ละมหาวิทยาลัยโดยตรง ลองแกะรอยตามเส้นทางนี้ โลกกว้างอาจกำลังรออยู่....ฟังไว้นะน้องๆชาวหัวหิน ที่รักทั้งหลาย ฟังไว้ฟังไว้...
hhhhhh
เขาแนะต่อถึงวิธีการควานหาทุน ก็คือ เข้าไปดูในเว็บไซต์ของแต่ละมหาวิทยาลัยโดยตรง ลองแกะรอยตามเส้นทางนี้ โลกกว้างอาจกำลังรออยู่....ฟังไว้นะน้องๆชาวหัวหิน ที่รักทั้งหลาย ฟังไว้ฟังไว้...
hhhhhh
ขอบคุณข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ โดย : รมณ รวยแสน ภาพถ่ายโดย มุทริกา พฤกษาพงษ์
ahinhub Thanks
jjjjjj
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น