5.06.2552

| หัวหิน Retro ๘ (เรือนงาม นามไพเราะ ถิ่นบ้านตากอากาศ)












เรือนงาม นามไพเราะ
ถิ่นบ้านตากอากาศ

หัวหินคือศูนย์รวมบ้านตากอากาศรุ่นแรกของประเทศไทย คนในยุคเมื่อเกือบ 100 ปีก่อน ท่านสร้างบ้านแล้วก็ตั้งชื่อไพเราะฟังน่าอยู่น่ารู้สึกสุขสบายอย่างบอกไม่ถูก ชื่อบ้านนอกจากจะบ่งบอกว่าใครเป็นเจ้าของได้แล้ว ยังช่วยบอกตำแหน่งแห่งหนของบ้าน ประหนึ่งเหมือนบ้านเลขที่เพราะในยุคนั้น ยังไมการจัดทำทะเบียนบ้านกันอย่างเดี๋ยวนี้ เวลาไปรษณีย์จะส่งโทรเลขถึงท่านไหน ก็อาศัยยึดตามชื่อบ้านเป็นหลัก แม้แต่บริการรถสองแถวในสมับก่อน ก็ยึดเอาทำเลของบ้านตากอากาศเหล่านี้ เป็นตัวกำหนดเส้นทางเช่น สายตลาดชัตรไชย -บ้านบ่อจืด


บ้านงามในหัวหิน ยังมีเหลือให้เห็นอยู่หลายหลัง แม้จำนวนไม่น้อยถูกแปรสภาพเป็นโรงแรม คอนโดมีเนียมและรีสอร์ท จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม แต่ก็ยังมีจำนวนนับสิบหลัง ที่บรรดาท่านเจ้าของยังคงรักษาสถาปัตยกรรมร่วมสมัยรัชการที่ 7 เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และรำลึกถึงอดีตอันทรงค่าของเมืองหัวหิน ซึ่งเราๆ ท่านๆพอให้มีไว้เดินเลาะชายหาดชื่นชมกันได้บ้าง ได้แก่




๐ จากบ้าน 'ฮุนซุยโฮ' ถึงบ้าน 'ทรัพย์ศฤงคารและสันติสุข' แห่ง 'ฮุนตระกูล'
บ้านเลขที่ 1 นับเป็นบ้านหลังแรก ของถนนแนบเคหาสน์ ชื่อบ้านสันติสุข มีเรือนพักตากอากาศของเจ้าของบ้านซ่อนเอาไว้ ภายใต้ต้นไม้ร่มครื้ม เรือนหลังนี้อยู่ติดชายหาดด้าทิศเหนือของสะพานปลาหัวหิน ในปัจจุบัน มีสนามหน้าบ้านโปร่งสบายกว้างขวาง คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 2470 หรือช่วงต้นรัชสมัยของพระบามสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 7 และ

บ้านเลขที่ 3 บนถนนสายเดียวกัน ที่ติดป้ายใหญ่บอกชื่อเสียงไว้ชัดเจนว่าบ้าน 'ทรัพย์ศฤงคาร' ของตระกูลฮุน ซึ่งต้นตระกูลเจ้าของเรือนใหญ่หลังนี้ คือพระยาศรีวิสารวาจา (เทียนเลี้ยง ฮุนตระกูล ในหลวงรัชการที่ 7 ทรงเรียกพระยาศรีวิสารฯ ว่า 'นายหุ่น' เพราะท่านมีชื่อในภาษาจีนว่า 'ฮุนเซ็กเตี่ยน' เชื้อสายจีนไหหลำ) ท่านดำรงตำแหน่งปลัดทูลฉลองกระทรวงต่างประเทศ (ปลัดกระทรวง) ในสมัยพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 7 พระยาวิสารฯ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญผู้หนึ่งในสมัยสยามเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี พ.ศ. 2475 โดยคณะราษฎร หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง ท่านผู้นี้นังได้รับราชการในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกในยุคประชาธิปไตย แม้จะเข้าทำงานโดยไม่เต็มใจนัก

พระยาศรีวิสารฯ (25 กุมภาพันธ์ 2439 - 23 มีนาคม 2511) จบการศึกษาจากมหาวิทยายอ๊อกซ์ฟอร์ด บาร์ริสเตอร์มิดเดิลเทมเบิล ประเทศอังกฤษ เป็นคนไทยคนแรกที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ในทางการเมืองท่านเป็นอดีต สมาชิก และ ส.ส. สังกัดพรรคประชาธิปตย์ และดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2508

ปัจจุบันเรือนหลังนี้ ตกทอกไปยังทายาทในตระกูล สมัยหนึ่งเป็นของคุณสมหมาย ฮุนตระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 5 สมัยของไทย ผู้เป็นบุตรชายของคุณโกศล(กิมฮวด) ฮุนตระกูล หลานปู่ของพระยาศรีวิสารฯ จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จากประเทศญี่ปุ่น โดยที่บ้านอีกหลังของตระกูล 'สันติสุข' ที่คุณณัฐพร ฮุนตระกูล ยังคงรักษาเรือนหลังงาม นี้ไว้โดยได้ทาสีใหม่เป็นสีเขียวสด สะดุดตาและกลายมาเป็นร้านอาหาร 'บ้านอิสระ' บนเลขที่ 7 ถนนแนบเคหาสน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ในหมู่นักชิมอาหารอร่อย ให้ไปมาได้ไม่ขาดสาย หัวกระได ไม่แห้งกันเลยทีเดียว : huahinhub

๐ บ้านฟังคลื่น ของสกุล ล่ำซำ ล่ำซำ เป็นตระกูลเจ้าสัวแห่งสยามมาช้านาน มีเครือข่ายธุรกิจมามาย เช่นธนาคารกสิกรไทย เมืองไทยประกันชีวิต และบริษัทล็อกซ์เลย์ ความมั่งคั่งในตระกูลนี้ เริ่มตั้งแต่สมัยรัชการที่ 5 โน่นทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อหัวหินกลายเป็นเมืองตากอากาศแห่งสยามประเทศ ตระกูลเจ้าสัวอย่าง ล่ำซำ จึงมีที่ดินและบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ หน้าหาดกว้างขวางอยู่ที่หัวหิน บนบ้านเลขที่ 5 ถนนแนบเคหาสน์ และตั้งชื่อบ้านเอาไว้อย่างไพเราะเพราะพริ้งและน่าอยู่ว่า 'บ้านฟังคลื่น'....มรว.อายุมงคล โสณกุล เคยได้เล่าถึงชีวิตในวัยเด็กไว้หลายโอกาส และhuahinhub เก็บส่วนที่เกี่ยวข้องกับบ้านฟังคลื่น มารวมไว้ ดังนี้

ล่ำซำรุ่นที่ 1 คือ 'อึ้งเมี่ยวเหงียน' (พ.ศ.2397-2456) เดินทางจากเมืองซัวเถา เข้าสู่สยามในสมัยต้นรัชกาลที่ 5 เถ้าแก่อึ้ง เป็นคนขยัยทำมาหากิน สามารถเปิดกิจการค้าไม้สักขนาดใหญ่ได้ ในช่วงปลายสมัยรัชการที่ 5

ทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูลคือ 'อึ้งยุกหลง' (พ.ศ.2422-2482) ได้หันมาทำการค้าขายข้าว โดยมีเครือข่ายกว้างขวาง ในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง สิงค์โปร์จนถึงอังกฤษ กิจการรุ่งเรืองมากในช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 นอกจากนั้นยังมีกิจการอื่นเสริมอีกมากมาย แม้แต่ภัตราคารชื่อดังในแถบราชวงศ์อย่าง 'ห้อยเทียนเหลา' หรือ หยาดฟ้าภัตราคาร ที่คน รุ่นปู่ รุ่นย่า ต้องพากันไปหารับประทานกันให้ได้สักครั้ง

ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลล่ำซำ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ที่ขยายกิจการของตระกูลให้เติบโตกว้างขวาง ประกอบด้วย 3 พี่น้องคือ คุณโชติ-คุณจุลินทร์-คุณเกษม ล่ำซำ จากพี่น้อง 7 คน คุณโชติเป็นบิดาของคุณบัญชาและเป็นปู่ของคุณบัณฑูร นายใหญ่แห่งธนาคารกสิกรไทยในเวลานี้ ส่วนคุณจุลินทร์ก็เบิดาของคุณโพธิพงษ์และเป็นปู่ของคุณสาระและคุณนวลพรรณ สาวสวยไม่สร่างในวงสังคมไฮโซ ทายาทรุ่นที่ 3 นี้เองที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งธนาคารกสิกรไทยขึ้นในปี พ.ศ. 2488

ลูกหลายตระกูลล่ำซำ มีมากมาย เรือนหลังนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับผู้คนได้มากๆ ถึงคราวละ 40 คน บ้านฟังคลื่น มรอายุกว่า 90 ปีแล้ว เพราะสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2469 สมัยรัชกาลที่ 7 บางส่วนมีการบูรณะไปตามสภาพ โดยคงสภาพเรือนใหญ่แบบเดิมเอาไว้ เวลานี้มีต้นไม้รกครื้มจนมองแทบไม่เห็นตัวบ้าน หน้าบ้านยังมีเสาหินติดป้ายชื่อบ้านเอาไว้ หากใครเคยผ่านไปทานอาหารที่บ้านอิสระ ด้านทิศเหนือของร้าน จะสามารถมองเห็นหาดทรายของบ้านฟังคลื่นได้ชัดเจน ทีเดียว

๐ บ้านอยู่เย็น ของตระกูลโชติกเสถียร 'บ้านอยู่เย็น' ตั้งอยู่บนเลขที่ 29 ถนนแนบเคหาสน์ เวลานี้กลายเป็นบ้านเก่าที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง เพราะทายาทปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหาร ชื่อเดียวกับตัวบ้าน (ชาวกรุงเทพเดี๋ยวนี้ ถ้าใครแวะเวียนไปหัวหิน แล้วไม่ได้ไปทานของอร่อยที่บ้านอยู่เย็น เรียกได้ว่าเชยจริงๆ)

บ้านอยู่เย็น สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2470 ใกล้เคียงกับบ้านฟังคลื่น บ้านสามสุข ที่อยู่ถัดไป ท่านเจ้าของบ้านรุ่นแรกคือ พระมหามนตรีศรีองครักษ์สมุทร (ฉัตร โชติกเสถียร) ผู้ป็นบุตรพระยาธรรมจรรยานุกูลมนตรี (ทองดี โชติกเสถียร) กับท่านผิว ต้นตระกูลคือพระยาโชฎึกราช เศรษฐี (เสถียร โชติกเสถียร) ขุนนางในสมัยรัชกาลที 5 ผู้มีคุณูปการมากมายแก่บ้านเมือง

ท่านมหามนตรี (ฉัตร โชติกเสถียร) เกิดเมื่อวันที 1 กันยายน 2439 สมรสกับนางสาวพร้อม เลาหเศรษฐี และเข้ารับราชการในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 6 เป็นครั้งแรก และมีตำแหน่งสำคัญเป็นเจ้ากรมมหาดเล็กในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชีนี ในปี พ.ศ. 2471 ก่อนดำรงตำแหน่ง เป็นเจ้ากรมพระตำรวจขวารักษาพระองค์ มีบรรดาศักดิ์เป็น พระมหามนตรีศรีองครักษ์สมุทร ในปี พ.ศ. 2473

เนื่องจากตำแหน่งหน้าที่ ท่านจึงต้องมีบ้านพำนักอยู่ที่หัวหินนี้ด้วย เนื่องจากพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่หัวหิน อยู่เนืองๆ โดยถนนแนบเคหาสน์ก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังไกลกังวล ให้สะดวกอย่างยิ่งต่อการเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ

ท่านมหามนตรีฯ มีบุตรชายท่านหนึ่ง ชื่อคุณพัดโบก โชติกเสถียร เป็นทายาทรุ่นที่ 2 ที่สืบต่อบ้านอยู่เย็น จนกระทั่งในยุคของคุณสุขนิจ โชติกเสถียร บุตรสาว ได้เปลี่ยนบ้านตากอากาศ (บางส่วน) ของตระกูลมาเป็นร้านอาหารริมหาด ที่สุดแสนจะโรแมนติกของเมืองหัวหิน นามว่า Coco 51 ขายอาหารสูตรเก่าของปู่ย่าตายายให้แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการบรรยากาศแบบหัวหินในยุคปริศนา (มีคนกระซิบมาว่า ละครเรื่องปริศนาเวอร์ชั่นที่ เทย่า โรเจอร์ และติ๊ก เจษฎาภรณ์เล่น มาถ่ายทำที่บ้านสวยหลังนี้ด้วย) ว้าว...!!

ปัจจุบันเรือนหลังใหญ่ของบ้านอยู่เย็น ยังคงสภาพบ้านพักตากอากาศในสมัยรัชการที่ 7 เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ มีเนื้อที่กว้างขวางถึง 4 ไร่ ตัวบ้านเป็นไม้สักทาสีเขียวอ่อน สองชั้นใต้ถุนเรือนยกสูงให้ลมผ่าน หน้าต่างเปิดได้ทั้งส่วนบนอละส่วนล่าง ลูกกรงไม้ฉลุลายพองาม ไม่วิจิตรบรรจงมาเหมือนบ้านในพระนคร แต่ดูอ่อนช้อยสบายตา น่าอยู่ ร่มรื่นเป็นอย่างมากที่เดียว

๐ สำนักดิศกุล ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เลขที่ 3 ถนนดำรราช สำนักดิศกุลเป็นของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ พระอนุชาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเป็นต้นราชสกุล ดิศกุล

สำนักดิศกุล นับเป็นตำหนักตากอากาศรหลังแรกๆของพระราชวงศ์ ในหัวหิน สร้างขึนในราวปี พ.ศ. 2469 ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 6 สมเด็จฯทรงโปรดให้นายช่างและคนงานแถบเมืองหัวหิน สร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย สร้างเสร็จรวดเดียวไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ (เป็นลักษณะเฉพาะของสถาปัตยกรรมในสมัยรัชการที่ 7 ที่เศรษฐกิจขิงชาติออกจะฝืดเคือง)

เรือนหลังแรกที่สร้างขึ้น คือตำหนักของสมเด็จฯ เป็นเรือนสีนวล 2 ชั้น ใต้ถุนโปร่ง ด้านบนมีหน้าต่างทรงสูงเปิดรับลมทเลทุกด้าน ตัวเรือนหันเข้าสู่ชายหาด เรือนหลังต่อมาคือตำหนักของ มจ.หญิง จงจิตรถนอม ดิศกุล พระธิดาองค์โตของท่าน เป็นบ้านทรงประยุกต์ ฝรั่งกับไทย ทาสีเขียวสดใส อยู่ด้านหลังเรือนของสมเด็จฯ ส่วนเรือนเล็ก ด้านข้าง เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว มีห้องนอนและส่วนรับแขก เรียกว่า หอธรรมฯ ซึ่งใช้เป็นที่อยู่ของพระราชธรรมนิเทศ ราชเลขาของสมเด็จฯ

เวลาต่อมา ในบั้นปลายชีวิตของสมเด็จฯ ท่านได้ประทานบ้านหลังนี้ให้กับ มจ.หญิง จงจิตรถนอม ซึ่งได้ทรงใช้เป็นที่ประทับตากอากาศรักษาพระองค์อยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะประทานต่อมาให้ มจ.หญิง มารยาทกัญญา พระธิดาอีกองค์ของสมเด็จฯ และทรงประทานต่อกันจนพระขนิษฐา ร่วมหม่อมมารดาเดียวกัน คือ มจ.หญิง ราหิณาวดี ปัจจุบันทายาทคนโตของ มจ.หญิง เราหิณาวดี คือ พลเอก นายแพทย์ ชูฉัตร กำภู ณ อยุธยา (คุณหมอดุ๊ก) อดีตเจ้ากรมแพทย์ทหารบก ได้มอบให้ทายาท เปิดดำเนินกิจการร้านอาหาริตาเลี่ยน-ไทย ในชื่อเดียวกันกับชื่อของท่านคือ The Duke's

มีต่อ......



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น